หนึ่งในอรรถกถาได้พูดถึง เปตวัตถุ (วัตถุที่นี้ แปลว่า เรื่อง เปตวัตถุ = เรื่องของเปรต) ว่าแบ่งเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
.
ปรทัตตูปชีวิกเปรต (ปอ-ระ-ทัด-ตู-ปะ-ชี-วิก-กะ-เปด) คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ด้วยการรับอาหารที่ผู้อื่นให้ โดยการเซ่นไหว้ เป็นต้น และเป็นเปรตประเภทเดียวเท่านั้นที่สามารถรับส่วนบุญส่วนกุศลที่มนุษย์อุทิศให้
กาลกัญจิกเปรต (กา-ละ-กัน-จิ-กะ-เปด) คือ เปรตจำพวกอสุรกาย มีร่างกายใหญ่โต แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรง มีปากเล็กเท่ารูเข็มอยู่บนกลางศีรษะ ตาโปนเหมือนตาปู
.
ฉคติทีปนีปกรณ์ (คัมภีร์ว่าด้วยความรู้แจ้งแห่งภพทั้ง ๖) ได้แบ่งเปรตออกเป็น ๑๒ ตระกูลและได้พูดถึงกรรมที่ทำให้ไปเป็นเปรต โดยวันนี้ Socool จะหยิบยกเรื่องราวของเปรตที่มีวิมานคล้ายเทวดา แต่จะเสวยสุขได้เฉพาะกลางคืน พอกลางวันก็จะเสวยทุกข์ มีกรรมคือ เมื่อเป็นมนุษย์มีศรัทธาทำบุญกุศลไว้มาก แต่ไม่รักษาศีลให้บริสุทธิ์ เรียกว่า "เวมานิกเปรต" นั่นเอง
.
เวมานิกเปรต เป็นหนึ่งในภพภูมิของเปรตที่มีลักษณะพิเศษต่างจากเปรตทั่วไป โดยเฉพาะในด้านการมีวิมานหรือที่อยู่อาศัยที่สวยงามและหรูหรา อีกทั้งยังมีหน้าตาที่งดงามต่างจากเปรตทั่วไปที่มักมีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว
.
แม้จะมีหน้าตางดงามและมีวิมาน แต่เวมานิกเปรตยังคงต้องประสบกับความทุกข์ทรมานอย่างหนัก เนื่องจากกรรมชั่วที่พวกเขาเคยทำก็ยังส่งผลอยู่ เวมานิกเปรตจะได้รับผลกรรมชั่วเป็นช่วง ๆ เมื่อผลกรรมชั่วปรากฏ พวกเขาจะถูกลงโทษด้วยความทุกข์ทรมานหลายรูปแบบ เช่น ความหิวโหย ความกระหาย หรือการถูกทรมานด้วยวิธีอื่น ๆตามผลกรรมที่ทำมา
.
การเกิดเป็นเวมานิกเปรตมักเกิดจากบุคคลที่เคยทำบุญแต่ยังไม่ละเว้นการทำบาป คนที่ทำกรรมทั้งดีและชั่ว จะได้รับผลกรรมที่หลากหลายตามที่พวกเขาได้ทำไว้ กรรมดีจะส่งผลให้พวกเขามีวิมานสวยงามและหน้าตางดงาม แต่กรรมชั่วจะส่งผลให้พวกเขาทนทุกข์ในบางช่วงเวลา
.
เรื่องของเวมานิกเปรตถือเป็นบทเรียนที่สอนถึงความสำคัญของการกระทำทั้งดีและชั่วในชีวิต การทำบุญไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงการได้รับผลกรรมชั่วได้พุทธศาสนาสอนให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการทำบาปและสะสมบุญกุศลเพื่อไม่ต้องตกอยู่ในภพภูมิที่ทุกข์ทรมาน
.