HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

"โลกหลังความตาย" ตายแล้วไปไหน?

 
  16/12/2024  
 
"ตายแล้วไปไหน" เป็นคำถามที่มนุษย์ตั้งคำถามมาตลอดประวัติศาสตร์ โดยในแต่ละวัฒนธรรม ศาสนา และตำนานต่างก็มีคำอธิบายที่หลากหลายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังความตาย บางแนวคิดเน้นถึงการมีชีวิตหลังความตาย ขณะที่บางแนวคิดเชื่อว่าความตายเป็นจุดจบของทุกสิ่ง
.
วันนี้ Socool จะรวบรวมตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายจากวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลกมาให้อ่านกันค่ะ
.
ชีวิตหลังความตายในศาสนาพุทธ
ในศาสนาพุทธ ความตายไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเปลี่ยนของวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด (สังสารวัฏ) การตายคือการย้ายจากชีวิตหนึ่งไปยังชีวิตใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับกรรมที่สะสมมาในชาติก่อน พระพุทธศาสนากล่าวถึงภพภูมิ 31 ภพ ซึ่งแบ่งเป็น 3 หมวดใหญ่ ได้แก่
อบายภูมิ (4 ภูมิ): นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน เป็นที่อยู่ของผู้ที่ทำกรรมชั่ว
มนุษย์ภูมิ (1 ภูมิ): โลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่
สวรรค์และพรหมภูมิ (26 ภูมิ): เป็นที่อยู่ของเทวดาและพรหมที่ทำบุญกุศลมาก่อน
ในพระไตรปิฎกมีการอธิบายว่า หลังความตาย จิตจะย้ายไปสู่ภพใหม่ในทันที (ปฏิสนธิจิต) และเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่เว้นช่วงเวลา
.
ชีวิตหลังความตายในศาสนาคริสต์
ในศาสนาคริสต์ ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายมาจากแนวคิดเกี่ยวกับ "สวรรค์" และ "นรก" ผู้ที่ทำดีและเชื่อในพระเจ้า จะได้ไปยังสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความสุขตลอดกาล ส่วนผู้ที่ทำบาปหรือปฏิเสธพระเจ้า จะถูกลงโทษในนรก ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
สวรรค์: เป็นสถานที่ที่มีความสุขนิรันดร์ ที่มนุษย์จะได้อยู่ร่วมกับพระเจ้า
นรก: เป็นสถานที่ลงโทษผู้ทำบาป ด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่สิ้นสุด
แนวคิดเรื่อง "ไฟนรก" มักถูกยกมาอ้างอิงในงานวรรณกรรมและภาพยนตร์ โดยเฉพาะในงานของดันเต (Dante's Inferno) ที่อธิบายถึงนรก 9 วง ซึ่งเต็มไปด้วยบทลงโทษที่แตกต่างกันไปตามบาปที่เคยทำ
.
ชีวิตหลังความตายในศาสนาอิสลาม
ในศาสนาอิสลาม เชื่อว่าเมื่อมนุษย์ตาย จะเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า บัรซัค (Barzakh) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระหว่างความตายและวันพิพากษาใหญ่ (วันกิยามะฮ์) เมื่อวันนั้นมาถึง มนุษย์ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาเพื่อรับการตัดสินจากอัลลอฮ์
สวรรค์ (Jannah): เป็นที่อยู่ของผู้ศรัทธาและทำความดี โดยสวรรค์ในอิสลามมีหลายระดับ แต่ละระดับจะมีความสุขและรางวัลที่แตกต่างกันไป
นรก (Jahannam): เป็นสถานที่ลงโทษคนบาปด้วยความร้อนจากไฟนรก และมีการลงโทษที่น่ากลัวหลากหลายรูปแบบ
ชาวมุสลิมเชื่อว่า การกระทำในชีวิตนี้จะถูกบันทึกโดยเทวดาสองตน และจะถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานในวันพิพากษา
.
ชีวิตหลังความตายในตำนานกรีกโบราณ
ชาวกรีกโบราณเชื่อว่า เมื่อมนุษย์ตาย วิญญาณจะเดินทางไปยังโลกใต้พิภพที่เรียกว่า เฮเดส (Hades) ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งความตายที่ปกครองโดยเทพเฮเดส วิญญาณจะต้องข้ามแม่น้ำสติกซ์ (Styx) โดยอาศัยเรือของ คารอน (Charon) ผู้พายเรือข้ามฟาก ซึ่งต้องจ่ายเหรียญเป็นค่าจ้าง
โลกหลังความตายในตำนานกรีกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
ทาร์ทารัส (Tartarus): สถานที่ลงโทษวิญญาณบาปที่เลวร้ายที่สุด
เอลิเซียนฟิลด์ (Elysian Fields): สถานที่พำนักของวีรบุรุษและผู้ที่ทำคุณความดี
ทุ่งแอสโฟเดล (Asphodel Meadows): ที่อยู่ของวิญญาณที่ไม่มีทั้งบุญและบาปที่ชัดเจน
.
ชีวิตหลังความตายในความเชื่อของเกาหลี
มีรากฐานมาจากศาสนาและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่หลากหลาย เช่น ลัทธิชามาน (Shamanism) ศาสนาพุทธ และลัทธิขงจื๊อ ซึ่งส่งผลให้แนวคิดเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายมีความซับซ้อนและน่าสนใจ แสงสว่าง ดวงไฟ และโคมไฟมีบทบาทสำคัญในความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตายของเกาหลี โดยมีนัยสำคัญเชิงสัญลักษณ์หลายประการ เช่น การนำทางวิญญาณ การปลดปล่อยจากความทุกข์ และการเชื้อเชิญบรรพบุรุษมารับเครื่องเซ่นไหว้ในพิธีกรรมสำคัญ ดวงไฟยังสะท้อนถึง "เส้นทาง" ที่วิญญาณต้องเดินผ่านเพื่อไปสู่โลกหน้า ภาพเหล่านี้ปรากฏในทั้งพิธีกรรม ศิลปะ และสื่อบันเทิงของเกาหลี เช่น ซีรีส์ Hotel Del Luna และภาพยนตร์ Along with the Gods หรือซีรี่ย์ Light Shop (2024) ทำให้ผู้คนเข้าใจและเข้าถึงแนวคิดเรื่องโลกหลังความตายได้มากขึ้นผ่านสัญลักษณ์ของแสงไฟและโคมไฟ
.
ชีวิตหลังความตายในศาสนาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีแนวคิดเรื่อง "โยมิ (Yomi)" ซึ่งเป็นโลกใต้พิภพที่วิญญาณจะเดินทางไปหลังจากเสียชีวิต โยมิมีลักษณะคล้ายกับนรกในวัฒนธรรมตะวันตก และเป็นสถานที่ที่วิญญาณจะอยู่อย่างถาวร ไม่สามารถกลับไปยังโลกได้อีก
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเรื่อง จิตวิญญาณบรรพบุรุษ (Kami และ Hotoke) โดยเชื่อว่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะยังคงอยู่ใกล้ชิดกับลูกหลาน และจะได้รับการเคารพบูชาผ่านพิธีกรรมต่างๆ เช่น โอบ้ง (Obon) ซึ่งเป็นเทศกาลที่ญาติพี่น้องจะเชิญวิญญาณของบรรพบุรุษกลับบ้าน
.
ชีวิตหลังความตายในความเชื่อของชนเผ่า
ชนเผ่าแอฟริกัน: ความเชื่อของชนเผ่าแอฟริกัน เช่น ซูลู (Zulu) เชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษจะคอยปกป้องครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ และวิญญาณสามารถสื่อสารกับคนเป็นผ่านความฝันหรือพิธีกรรมทางจิตวิญญาณ
ชนเผ่าเมารี (นิวซีแลนด์): ชาวเมารีเชื่อว่าวิญญาณจะเดินทางไปยัง "Te Rerenga Wairua" (ที่สิ้นสุดของวิญญาณ) ซึ่งอยู่ปลายแหลมทางตอนเหนือของเกาะนิวซีแลนด์ ก่อนจะเดินทางไปยังที่พำนักนิรันดร์ในโลกแห่งวิญญาณ
ชนเผ่าอินเดียนแดง: ชาวอินเดียนแดงในอเมริกาเหนือเชื่อว่า หลังความตาย วิญญาณจะเข้าสู่ "ดินแดนแห่งวิญญาณ" ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสุข และพวกเขาจะได้อยู่กับบรรพบุรุษและสัตว์วิญญาณของตนเอง
.
ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ศาสนา และตำนานของแต่ละสังคม ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดเรื่องนรก-สวรรค์ วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ หรือโลกแห่งวิญญาณที่เงียบสงบ แนวคิดเหล่านี้ยังคงสร้างความหวัง ความกลัว และความเชื่อมโยงระหว่างโลกของผู้เป็นกับผู้ตายมาจนถึงปัจจุบัน
.
ขอขอบคุณที่มา https://www.nepal101.net/th/nepaldowrysystem/

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.