นางอัมราปาลี ซึ่งในพระไตรปิฎก จะเรียกชื่อ แบบภาษาบาลีว่า
อัมพปาลี(อมราปาลีเป็นภาษาสันสกฤษ) นางมีความงามอันเลื่องลือหากเทียบในปัจจุบันถือว่าสวยเหมือนดารา นางแบบนางสาวไทยสมัยนี้ นางเป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายคน เมื่อโตขึ้นจึงกลายเป็นหญิงโสเภณีที่มีชื่อเสียงในเมืองไวศาลี และเป็นหนึ่งในโสเภณีผู้ทรงเกียรติของเมืองไวศาลี มีความสัมพันธ์กับบุรุษหลายคน รวมถึงกษัตริย์และชนชั้นสูง ว่ากันว่าค่าอภิรมย์กับนางอัมพปาลี คืนหนึ่งแพงหูฉี่ แต่ก็มี "แขก" ต่างเมืองมาเยี่ยมสำนักเธอมิขาดสาย
.
ตำแหน่งนครโสเภณีสมัยก่อนโน้นเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ พระราชาแต่งตั้งดูเหมือนจะมีเงินเดือนกินด้วย มิใช่ธรรมดา มีสาวๆ ในความควบคุมดูแลอีกมากสมัยนี้เรียก "มาม่าซัง" อะไรทำนองนั้น
.
เรื่องราวของนางอัมราปาลีเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมีโอกาสพบกับพระพุทธเจ้าและได้รับการชี้นำธรรมะจากพระองค์ ครั้งหนึ่งในขณะที่พระพุทธเจ้าประทับในไวศาลี นางได้ถวายสวนมะม่วงอันเป็นสมบัติของนางให้เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าและ ภิกษุสงฆ์ในปลายพุทธกาล ได้ถวายอาหารและมีโอกาสฟังธรรมเทศนา นางเกิดความศรัทธาและปัญญาในการเห็นสัจธรรมของชีวิต
.
โดยนางได้เกิดความสงสัยในชีวิต ทั้งเรื่องชื่อเสียง เงินทอง ความงาม ที่สั่งสมมา มีความหมายหรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหากความงามที่มีหายไป ? และจึงได้คำตอบว่า "ความงามย่อมมีวันเสื่อมไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรยั่งยืนในชีวิต มีแต่จะเพิ่มความโศกเศร้าในใจของเรามากยิ่งขึ้น การยึดติดความงามนั้นจะเป็นสิ่งที่เกาะกุมจิตใจเราไว้ หากพิจารณาให้ดี จะพบว่าตัวเองนั้นยึดติดกับสิ่งที่เสื่อมสลายได้ "
.
การพบธรรมะในครั้งนั้นทำให้นางเกิดความเบื่อหน่ายในทางโลก นางตัดสินใจละทิ้งชีวิตที่เคยหรูหราและยึดติดในความงามและความสุขทางโลก เพื่อมุ่งสู่การปฏิบัติธรรมและการศึกษาธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า หลังจากนั้น นางได้ออกบวชเป็นภิกษุณีและมุ่งสู่ทางธรรมอย่างจริงจัง
.
หลังจากบรรลุธรรม พระอัมพปาลีเถรีได้กล่าวคาถาแสดงถึงสัจจะชีวิตของนางน่าจะเป็นเครื่องเตือน สติแก่สตรีทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ขอคัดมาบางตอนดังนี้
.
เมื่อก่อนผมของเรามีสีดำ คล้ายปีกแมลงภู่ มีปลายงอน เดี๋ยวนี้กลายเป็นเช่นปอเพราะชรา
เมื่อก่อนมวยผมของเรามีกลิ่นหอมดุจอบด้วยดอกมะลิ เป็นต้น เดี๋ยวนี้กลิ่นเหมือนขนกระต่าย เพราะชรา
เมื่อก่อนคิ้วของเรางดงามคล้ายรอยเขียนอันนายช่างเขียนดีแล้ว เดี๋ยวนี้เหมือนเถาวัลย์ เพราะชรา
เมื่อก่อนนัยน์ตาของเราดำขลับเหมือนนิลมณี รุ่งเรืองงาม เดี๋ยวนี้ถูกชราขจัดแล้วไม่งามเลย เวลารุ่นสาวจมูกของเรางดงามเหมือนเกลียวหรดาล เดี๋ยวนี้กลับห่อเหี่ยวเหมือนจมหายเข้าไปในศีรษะ เพราะชรา
เมื่อก่อนฟันของเราขาวงามเหมือนดอกมะลิตูม เดี๋ยวนี้กลายเป็นฟันหัก มีสีเหลืองปนแดง เพราะชรา
เมื่อก่อนเสียงของเราไพเราะเหมือนเสียงนกร้องอยู่ในไพรสณฑ์ เดี๋ยวนี้เราพูดอะไรก็ไม่ชัด เพราะชรา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สรรพสิ่งเป็นอนิจจังเป็นจริงทุกประการ
.
นางอัมราปาลีเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ผู้ที่เคยหลงใหลในทางโลกก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองและพบหนทางธรรมะได้ เมื่อบุคคลเข้าใจสัจธรรมของชีวิตว่าทุกสิ่งเป็นอนิจจังและไม่ยั่งยืน ความสุขทางโลกเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว การหลุดพ้นจากการยึดติดในวัตถุและสังคมจึงนำพามาซึ่งความสงบสุขที่แท้จริง
.
ที่มา
: พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ 358
: พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก