คนจีนเชื่อว่าการเลือกทำเลที่ตั้งของสุสานบรรพบุรุษมีผลต่อโชคชะตาของลูกหลานอย่างลึกซึ้ง ตามหลักฮวงซุ้ยแล้ว สุสานไม่ได้เป็นเพียงที่พำนักสุดท้ายของผู้ล่วงลับ แต่ยังเป็นแหล่งพลังงานที่สามารถส่งผลต่อความมั่งคั่ง ความเจริญรุ่งเรือง และสุขภาพของลูกหลานรุ่นต่อไป
.
ในแนวคิดของฮวงซุ้ย การเลือกทำเลสุสานจะต้องพิจารณาถึงพลังชี่ หรือพลังธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่รอบๆ สถานที่นั้นๆ หากสุสานตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม พลังชี่ที่ดีจะถ่ายทอดไปยังลูกหลาน ทำให้ครอบครัวมีความมั่นคง มั่งคั่ง และพบเจอแต่สิ่งดีๆ ในทางตรงกันข้าม หากเลือกทำเลที่ไม่ดี หรือขัดกับหลักฮวงซุ้ย อาจทำให้ตระกูลพบกับอุปสรรค ปัญหาทางการเงิน หรือปัญหาสุขภาพ
.
หลักฮวงซุ้ยที่ใช้เลือกทำเลสุสานเน้นเรื่องการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล โดยทั่วไปแล้ว ตำแหน่งที่ถือว่าเป็นทำเลที่ดีควรมีภูเขาอยู่ด้านหลังเพื่อเป็น "พนักพิง" เปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยให้ลูกหลานมีชีวิตที่มั่นคง มีแม่น้ำหรือลำธารอยู่ด้านหน้าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และโชคลาภ นอกจากนี้ บริเวณด้านหน้าของสุสานควรเปิดโล่ง ไม่ถูกบดบัง เพราะเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของอนาคตที่สดใส
.
คนจีนให้ความสำคัญกับการดูแลสุสานของบรรพบุรุษเป็นอย่างมาก เทศกาลเช็งเม้งในทุกๆ ปีเป็นช่วงเวลาที่ลูกหลานจะเดินทางไปทำความสะอาด ปรับปรุงสภาพแวดล้อมของสุสาน และไหว้บรรพบุรุษเพื่อแสดงความกตัญญู เชื่อกันว่าหากลูกหลานละเลยไม่ดูแลสุสานให้ดี อาจส่งผลให้โชคของครอบครัวลดลง
.
ในตำนานจีนหลายเรื่อง เล่าถึงตระกูลที่มีอำนาจและความมั่งคั่งเพราะเลือกทำเลสุสานได้ดี เช่น เรื่องราวของตระกูลเจียง ซึ่งมีการฝังศพบรรพบุรุษในทำเลที่เป็นมงคล ทำให้ลูกหลานสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศได้ เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเลือกทำเลสุสานไม่ใช่แค่ความเชื่อทางศาสนา แต่ยังเป็นเรื่องของศิลปะการใช้พลังธรรมชาติเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองให้กับตระกูล
.
โดยสรุปแล้ว การเลือกทำเลสุสานเป็นเรื่องที่ชาวจีนให้ความสำคัญมาหลายศตวรรษ เพราะพวกเขาเชื่อว่าบรรพบุรุษไม่ได้จากไปเพียงร่างกาย แต่ยังคงมีพลังที่เชื่อมโยงกับลูกหลาน หากสุสานตั้งอยู่ในทำเลที่ดี พลังแห่งความเป็นมงคลจะถ่ายทอดต่อเนื่องไปยังคนรุ่นหลัง ทำให้ครอบครัวมั่งคั่งและมีอนาคตที่รุ่งเรือง