HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
ฮีโร่ หรือ ฆาตกร

 
  20/11/2023  
 
วีรกรรมสุดโหดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้สอน
.
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในนักสำรวจชาวเจนัวผู้กล้าหาญท้าท้ายความเชื่อของคนร่วมสมัย ความพยายามทำให้เขาได้รับสปอนเซอร์จากสเปนจนนำไปสู่การค้นพบ 'โลกใหม่' หรือที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า ทวีปอเมริกา
.
ชื่อของเขายังเป็นที่ยอมรับในสังคมตะวันตกจนถูกนำไปตั้งเป็นชื่อดินแดน หรือประเทศ เขาถูกเชิดชูอย่างกับฮีโร่เนื่องจากค้นพบทวีปอเมริกาแต่สุดท้ายหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างชี้เห็นตรงกันว่า เขาไม่ได้เป็นผู้บุกเบิกทวีปอเมริกาอย่างแท้จริง
.
แต่แท้จริงแล้วเขากลับเป็นผู้บุกเบิก 'ความโหดเหี้ยม' และ 'ความเลือดเย็น' ใน 'การสังหารหมู่ชนพื้นเมือง' ผ่าน ล่าอาณานิคม ต่างหาก
.
เมื่อโคลัมบัสเดินทางไปยังชายหาดของเกาะบาฮามาสเมื่อวันที่วันที่ 12 ตุลาคม ปี 1492 ที่เกาะบาฮามาส โคลัมบัสเกิดสนใจในเครื่องประดับทองของชาวเมืองที่ออกมาต้อนรับนักสำรวจ ซึ่งเป็นเหมือนทรัพยากรความร่ำรวยชั้นดีในอนาคต เมื่อเขาออกเดินทางไปบุกเบิกนิคมบนเกาะฮิสปันโยลา โคลัมบัสยังตอบแทนชาวเกาะด้วยการลักพาตัวชาวบ้านบางส่วนติดเรือไปด้วย
.
ตั้งแต่โคลัมบัสเดินทางไปที่เกาะฮิสปันโยลา (Hispaniola) แถบคิวบาและเฮติปัจจุบัน ในปี 1492 ดินแดนที่เคยมีประชากรอินเดียนเผ่าทาอิโน (Taino) มากถึง 3 แสนกลับเหลืออยู่เพียงหลักร้อยเท่านั้น
.
โคลัมบัสนำทหารเข้าควบคุมชาวทาอิโนให้อยู่ใต้บังคับบัญชาของตน และแบ่งทหารออกตามหาทองตามหมู่บ้าน แต่เมื่อคนกลุ่มนั้นถูกชาวอินเดียนสังหารจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้ชาวอินเดียนทุกคนที่อายุ 14 ปีขึ้นไปต้องขุดทองให้ครบตามกำหนด
.
ใครขัดขืนมีโทษตายสถานเดียว ส่วนคนที่หาทองได้ไม่ครบตามที่กำหนดจะถูกตัดมือ มีเหยื่อถูกตัดมือจำนวนไม่น้อยต้องเสียชีวิตจากติดเชื้อ อีกหลายคนก็หลบหนีตามป่าเขาเพื่อหลบคนของโคลัมบัส ส่วนคนที่เหลือก็ถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานในไร่ฝ้ของชาวสเปน
.
แต่ความโหดร้ายของเขาไม่ได้มีเพียงเท่านั้น โคลัมบัสยังจับผู้หญิงและเด็กสาวมาเป็นทาสคอยบำเรอ และแจกจ่ายให้เป็นรางวัลกับผู้ที่ทำงานได้น่าพอใจ ทั้งยังให้มีการซื้อขายทาสเซ็กส์ เมื่อใดที่พวกเธอขัดขืนก็จะถูกเฆี่ยนตีจนตาย เหตุการณ์นี้มีหลักฐานมาจากบันทึก มิเคล เดอ คูเอโน
.
อีกทั้งยังมีระบบที่เรียกว่า ‘เอนโคเมียนดา’ (Encomienda) ยังถูกนำมาใช้โดยโคลัมบัส ระบบนี้ก็คือชาวสเปนที่ทำผลงานจะได้รับชาวอินเดียนจำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทน แรงงานพวกนี้ต้องมอบบรรณาการ มอบชีวิตทำงานให้จนกว่าจะตายและพร้อมถูกแทนที่ใหม่เสมอ เหยื่อส่วนใหญ่ของระบบนี้มักเป็นผู้หญิงและเด็กที่ถูกพรากจากครอบครัว
.
มีบันทึกของบาร์โทโลเม เด ลาสกาซีส (Bartolomé de las Casas) หนึ่งในชาวสเปนที่เคยใช้ชีวิตในนิคมที่ตั้งโดยโคลัมบัสและมีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ชาวบ้านหลายครั้ง แต่ภายหลังเขากลับใจและหันมาต่อต้านการรุกรานชนพื้นเมืองและการใช้แรงงานทาสเล่าว่า "พวกทหารบุกเข้าไปตามหมู่บ้าน สังหารหมู่ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กหรือหญิงมีครรภ์ หลายคนถูกหั่นเป็นชิ้นอย่างโหดร้าย ปราบกบฏด้วยการตัดชิ้นส่วนมนุษย์มาขู่เพื่อไม่ให้ชาวบ้านลุกฮือ"
.
วีรกรรมสุดโหดอีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ของโคลัมบัสคือ การเป็นผู้ริเริ่มนำทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกคนแรก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (Trans-Atlantic Slave Trade) ในภายหลัง
.
ทาสรุ่นแรกคือพวกชาวอินเดียนจากแคริบเบียนที่ถูกขนลงเรือไปใช้งานในแผ่นดินแม่สเปนถึง 5 ครั้งระหว่างปี 1494-1500 ทาสหลายร้อยคนจะถูกจับยัดลงไปใต้กราบเรือจนอัดแน่น คนที่ลูกเรือมองว่าใช้งานไม่ได้หรือป่วยจะถูกโยนลงทะเลอย่างไม่ใยดี
.
ผู้ตั้งรกรากชาวสเปนในอาณานิคมเองก็ต้องเผชิญหน้ากับความโหดเหี้ยมและเลือดเย็นของโคลัมบัสด้วยเช่นกัน มีรายงานว่าหญิงชาวสเปนคนหนึ่งถูกถอดเสื้อผ้าประจานในที่สาธารณะแล้วตัดลิ้นเพียงเพราะเธอนินทาโคลัมบัสและพี่น้องของเขา เด็กชายอีกคนยังถูกจับมือตอกตะปูในที่สาธารณะหลังเขาแอบไปจับปลาในแม่น้ำแห่งหนึ่ง
.
ในปี 1500 เสียงร้องเรียนถึงความโหดเหี้ยมและการปกครองอันไร้ประสิทธิภาพของโคลัมบัสแพร่ไปถึงหูของกษัตริย์เฟอร์ดินานด์และราชินีอิซาเบลลา ทำให้โคลัมบัสถูกสั่งปลดและโดนจองจำในสเปนเป็นเวลาหกสัปดาห์ เขาไม่มีโอกาสได้ปกครองดินแดนอีกต่อไปแถมยังเสียยศฐาบรรดาศักดิ์ที่สั่งสมมา และเสียชีวิตลงในปี 1506
.
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวีกรรมที่โคลัมบัสทำมันช่างโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่งและในภายหลังเรื่องราวของเขาก็เป็นที่รู้กันในหมู่สาธารณชนมากขึ้น สหรัฐอเมริกาได้ใช้บทเรียนนี้ถอด ‘วันโคลัมบัส’ ในวันที่ 12 ตุลาคม ให้เป็น ‘วันชนพื้นเมือง' (Indigenous People’s Day) เพื่อรำลึกถึงการสูญเสียของเหยื่อชาวพื้นเมืองที่จากไป
.
แม้จะมีผู้ถกเถียงว่าการกระทำของโคลัมบัสเป็นเรื่องธรรมดาของยุคสมัยนั้น แต่เรื่องราวของผู้ที่ต่อต้านระบบทาสและเสียงร้องเรียนถึงความทารุณของโคลัมบัสในยุคนั้นต่างช่วยยืนยันว่า
.
แต่สิ่งที่โคลัมบัสได้ทำกับมนุษย์ก็ช่างโหดเหี้ยมและเลือดเย็นเกินกว่าที่มนุษย์สมัยใหม่อย่างเราจะยอมรับได้
_____________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักพิมพ์ ยิปซี
The memolife


 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.