ในช่วงศตวรรษที่ 18 แฟชั่นที่หญิงสาวมักจะนิยมส่วมใส่เป็นอย่างมากคือ กระโปรงสุ่มไก่ (Crinoline Skirt) โครงสุ่มไก่จะถูกสร้างขึ้นจากโครงเหล็กดัด หรือโครงไม้ดัด ก่อนจะนำผ้ามาติดให้สวยงามจนกลายเป็นกระโปรง
.
ในยุคแรกกระโปรงจะถูกทำจากขนแข็งของม้า เพื่อรักษาสภาพความบานให้คงอยู่ได้ตลอดทั้งวัน กระทั่งเมื่อแฟชั่นเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น ก็เริ่มมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนเส้นใยเป็นผ้าฝ้ายแทน ซึ่งในตอนแรกเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่มชนชั้นสูงเท่านั้น แต่ต่อมาแฟชั่นสุ่มไก่ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทุกชนชั้น
.
โดยกระโปรงชนิดนี้ใช้เนื้อผ้าที่มีความยาวถึง10 หลา (ประมาณ 9 เมตร) ทำให้มีน้ำหนักกระโปรงมากถึง 20 กิโลกรัม ด้วยน้ำหนักกระโปรง และความกว้างที่มากขนาดนี้ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมขึ้น
.
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 1863 ประเทศชิลี ณ โบสถ์แห่งหนึ่งในเช้าวันอาทิตย์ ขณะที่ทุกคนในโบสถ์กำลังประกอบพิธีทางศาสนาอยู่นั้น จู่ๆ ผ้าม่านที่ปลิวเพราะแรงลมก็พัดไปถูกเชิงเทียนทำให้เกิดไฟลุกไหม้ผ้าม่าน และลามลุกไปจนกลายเป็นกองเพลิง คนในโบสถ์กว่า 3,000 คน ต่างตกใจชุลมุน และพากันวิ่งไปที่ประตูโบสถ์ซึ่งเป็นทางออกทางเดียวที่สามารถออกได้
.
ซึ่งหญิงสาวที่ไปโบสถ์ในวันนั้น ต่างใส่กระโปรงสุ่มไก่เกือบทั้งหมด และโครงกระโปรงของพวกเธอนั้นทำมาจากเหล็ก เมื่อทุกคนวิ่งไปออกันที่ประตู ความกว้างของโครงกระโปรง ก็ทำให้หญิงสาวติดอยู่ตรงประตู ส่งผลให้คนด้านหลังออกไม่ได้ จึงทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านในตกอยู่ในกองเพลิงทุกข์ทรมาน จนถึงขั้นเสียชีวิต โดยเหตุการณ์น่าสลดในวันนั้นมีผู้เสียชีวิตไปมากถึง 2,000 กว่าคน
.
ขอขอบคุณที่มา:
