HOME
 
 
CONTACT
  LIFESTYLE  
 

Dear Diary, เพียงแค่หยิบปากกามาจด
สุขภาพจิตก็ดีขึ้นได้

 
  13/01/2022  
 

หลังจากผ่านวันหยุดยาวของเทศกาลปีใหม่กันมาแล้ว เดือนมกราคมนี้จึงถือเป็นการเริ่มต้นปีอย่างแท้จริง โดยปกติช่วงสุดท้ายของปี คนส่วนมากมักจะมีธรรมเนียมในการทบทวนเรื่องราวว่าชีวิตในปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อีกทั้งมักจะมีการจัดอันดับสิ่งที่ตนชอบหรือไม่ชอบ รวมไปถึงตั้งเป้าหมายที่จะต้องทำสำเร็จให้ได้ในปีหน้าอีกด้วย ซึ่งการคิดทบทวนชีวิตทั้งปี บางคนอาจจะลืมช่วงเวลาที่สำคัญไป ถ้าหากว่าเราจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ จะทำให้เมื่อถึงช่วงเวลาสิ้นปีสามารถนำออกมาอ่านทบทวนได้

 
 

เนื่องจากที่ผ่านมา ในแต่ละยุคสมัยประเทศไทยมักจะรับเอาอิทธิพลจากต่างประเทศเข้ามาใช้ จนรูปแบบการจัดงานเฉลิมฉลองแบบดั้งเดิมของเราเริ่มหายไป โดยในทุก ๆ วันขึ้นปีใหม่ ผู้คนส่วนมากมักจะมารวมตัวกันเพื่อจัดงานรื่นเริง สังสรรค์ ปาร์ตี้ แทนที่การทำบุญแบบเรียบง่ายตามวิถีไทยเดิม ที่การทำพิธีกรรมทางศาสนา การทำบุญตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา และรับประทานทานอาหารกับคนในครอบครัว แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มี ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่าง Omicron เข้ามา แม้ระดับความรุนแรงของเชื้อจะไม่มาก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ-และสังคมของเราอยู่ไม่น้อย ดังนั้นในวันขึ้นปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึง จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่เราจะย้อนกลับไปฉลองปีใหม่แบบวิถีเดิม เรียบง่าย อบอุ่น และปลอดภัย จะเห็นได้ว่าการเขียนไดอารี่นั้นคือวิธีบันทึกความทรงจำที่มีประโยชน์ ดังนั้นเราอยากให้ทุกคนเริ่มหันมาเขียนไดอารี่กัน

 
  เมื่อนึกถึง “การเขียนไดอารี่” สำหรับใครหลาย ๆ คนคงจะคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่หันมาโพสต์ข้อความหรือรูปใน Social Media แทน ซึ่งจริง ๆ แล้วการโพสต์ลง Facebook หรือ Instagram มันก็ดี แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ไม่มีความเป็นส่วนตัว เพราะบางเรื่องเราไม่ได้อยากให้ผู้อื่นรู้ ถ้าเลือกเขียนลงสมุดก็สามารถเขียนได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าจะมีใครมาเห็น ดังนั้นการเขียนเรื่องราวลงในไดอารี่นั้นจึงมีประโยชน์อยู่มากมาย แม้บางคนอาจจะมองว่าไม่น่าทำ น่าเบื่อ แต่ถ้าหากว่าเราได้ลองเขียน โดยเริ่มจากสละเวลาแค่เพียงสักหนึ่งหรือสองนาที พอเริ่มทำไปสักพักก็จะรู้สึกสนุกกับการเขียนไปเอง ซึ่งเราขอยกตัวอย่างข้อดีจากการเขียนไดอารี่มาให้อ่านกัน  
 
  • ช่วยพัฒนาสมองเพิ่มความจำ และทำให้ไม่ลืมเรื่องราวสำคัญในชีวิต ในบางครั้งเมื่อกาลเวลาได้ผ่านไป เราอาจทำความทรงจำในบางช่วงตกหล่นหายไปได้ แต่การที่เราจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น หรือว่าในแต่ละวันเรามีความคิดอย่างไร มีอารมณ์ ความรู้สึกอย่างไร นอกจากจะช่วยให้เราเก็บทุกเหตุการณ์ไว้ได้โดยไม่ตกหล่น ยังเป็นวิธีที่ดีมากในการช่วยพัฒนาความจำ อย่างที่ในงานวิจัยของ Longman and Atkinson บอกว่าคนเรามีโอกาสจดจำข้อมูลที่ได้ยินผ่านหูโดยไม่จดบันทึกได้เพียงแค่ 5 % แต่ถ้าจดบันทึกเรื่องราวไว้มีสิทธิ์ที่จะจำได้สูงถึง 34 %
  • ฝึกทักษะทางด้านการเขียน ถ้าหากเราเขียนบันทึกทุกวัน เมื่อนำกลับมาย้อนดูอีกครั้งจะพบได้เลยว่าทักษะด้านการเขียนคำศัพท์ และการเรียบเรียงประโยค มีการพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งยังทำให้สามารถสรุปเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้นด้วย
  • สามารถวางแผนอนาคตได้ดีและดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย การเขียนบันทึกถึงเป้าหมายและสิ่งที่ตนเองหวังว่าจะทำให้ได้ลงบนสมุดและเมื่อสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ก็ให้จดลงไป พร้อมกับให้รางวัลเล็ก ๆ กับตนเอง จะทำให้เรามีแรงจูงใจที่จะทำเป้าหมายอื่นให้สำเร็จต่อไปอีกเรื่อย ๆ
  • ช่วยระบายความเครียด เมื่อตอนที่เรารู้สึกว่าตนเองกำลังมีอารมณ์มากมายที่พรั่งพรูเข้ามา แต่ไม่อยากนำความเครียดไประบายใส่คนอื่น การเขียนบรรยายความรู้สึกลงในสมุดอาจเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ดี เพราะเมื่อเวลาได้จดบันทึกเรื่องราวหรือความรู้สึก ณ เวลานั้น เราจะมีสมาธิทำให้เรามีสติมากขึ้น พิจารณาอารมณ์ตัวเองในขณะนั้นได้ดีและหาทางออกได้ดีกว่า
 
 

อีกสิ่งที่เราอยากแนะนำให้คุณทำควบคู่ไปกับการจดไดอารี่ประจำวัน ก็คือ Mood Tracking หรือที่เรียกว่า “การจดบันทึกอารมณ์” ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยจะใช้ “สี” เข้ามาเป็นตัวช่วยแทนความรู้สึก หรืออารมณ์ที่หลากหลาย วิธีการให้เริ่มจากการวาดช่องวงกลมหรือสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ขึ้นมาในสมุด และแบ่งความรู้สึก หรืออารมณ์ตามสีต่าง ๆ เช่น หากมีความสุขให้ระบายสีเหลือง หากเศร้าให้ระบายสีฟ้า โกรธระบายสีแดง ซึ่งในหนึ่งวันสามารถเกิดได้หลากหลายอารมณ์ หากเป็นเช่นนั้นหนึ่งช่องก็อาจเต็มไปด้วยสีหลายสีได้เหมือนกัน ดังนั้นการทำ Mood Tracking จะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกทุกข์ สุขของตัวเองมากขึ้น หากใครสนใจลองทำกันดูไปพร้อมกับการเขียนไดอารี่ได้เลย รับรองว่าทำแล้วได้รับแต่ผลดีแน่นอน เนื่องจากมีงานวิจัยของเจมส์ เพนนีเบคเกอร์ นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ที่บอกไว้ว่าถ้าเราเขียนระบายความรู้สึกและอารมณ์ออกไปทำให้มีความจำดีขึ้น

 
 

จะเห็นได้ว่าการเขียนไดอารี่และการจดบันทึกอารมณ์ มีส่วนช่วยในการพัฒนาตัวเราเองได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเพิ่มทักษะในด้านการเขียน ช่วยให้มีความจำที่ดีมากขึ้น และยังถือว่าเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลดีในการทำความเข้าใจตัวเอง ได้ทบทวนอารมณ์ ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จากการใช้เวลาและมีสมาธิจดจ่ออยู่กับตนเองในขณะเขียน อีกทั้งยังช่วยจัดระเบียบความคิด รวมไปถึงปรับมุมมองให้ไปในทางบวก ด้วยข้อดีที่มีมากมายของการเขียนไดอารี่ Socool.Limited จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาเริ่มเขียนไดอารี่หน้าแรกของปี 2565 เพราะตอนนี้เพิ่งจะเข้าเดือนมกราคมมาไม่นานจึงยังไม่ถือว่าสายไป เอาล่ะ มาเริ่มเขียนกันวันนี้เลย!

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.