อึ่งอ่างเป็นสัตว์เลือดเย็น หากตายก่อนต้ม ว่ากันว่าไข่กับเครื่องในจะเน่าเสีย จึงทำให้ขาอึ่งชี้โด่ชี้เด่เพื่อระบายอากาศและความร้อนในร่างกาย ภายหลังจึงนิยมนำมาน็อคน้ำแข็ง หรือทาเกลือทั่วตัวก่อนต้ม เพื่อเป็นการไม่ทรมานสัตว์จนเกินไป และยังสามารถลอกยางที่ตัวอึ่งได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
.
จาก เมนูยอดฮิต นี้สู่กระแสดราม่า และคำถามในเรื่องของการกินต้มอึ่งว่าบาปไหม? เพราะบางคนต่างก็โต้แย้งว่า กว่าอึ้งจะตายนั้นเกิดความทรมานต่างๆ หรือการกินอึ่งที่กำลังท้องแก่ บวกกับหน้าตาตะมุตะมิตาแป๋ว ก็ดูจะเป็นสิ่งที่ดูโหดร้ายต่อคนบางกลุ่มอยู่ไม่น้อย
.
อย่างไรก็ตาม การฆ่าสัตว์ที่จะถือว่าเป็นการ ละเมิดศีล และเป็นบาปโดยสมบูรณ์ (ปาณาติบาต) ในทางศาสนาพุทธแล้วนั้น มีคำตอบดังนี้ว่าจะต้องประกอบด้วยเงื่อนไข 5 ประการ
.
- สัตว์มีชีวิต
- รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
- มีจิตคิดจะฆ่า
- พยายามฆ่า
.
การฆ่าสัตว์ จะถือว่า บาปมากบาปน้อย มีเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาก็คือ “เจตนา”ถ้ามีเจตนาฆ่ารุนแรง ในลักษณะตั้งใจหรือวางแผนไว้ก่อน บาปก็หนัก ผลกรรมก็รุนแรง
.
การเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ด้วยเหตุ 3 ประการ คือ เนื้อที่ตนเห็น เนื้อที่ตนได้ยิน เนื้อที่ตนรังเกียจ
.
1. เนื้อที่ได้ยิน เช่น ได้ยินชาวบ้านเขา สนทนากันว่าจะมีการฆ่า หมูตัวนั้นตัวนี้ เพื่อถวายพระคุณเจ้า เป็นต้น...แบบนี้ห้ามรับประเคน
2. เนื้อที่ได้เห็น เช่น เห็นไก่วิ่งเล่นอยู่ สักครู่เดียวได้ยินเสียงมันร้องด้วยความเจ็บปวด สักครู่กลายเป็นต้มยำไก่ มาถวาย...แบบนี้ก็รู้อยู่แล้วเพราะเมื่อกี๊ก็เห็นมันอยู่ แต่ก็ตายเพื่อมาเป็นอาหารแก่ตนโดยเฉพาะ...ห้ามรับประเคน
3. เนื้อที่ตนรังเกียจ ก็คือ เนื้อที่ตนเองรังเกียจด้วยเหตุแห่ง 2 มูลเหตุ ใน 2 ข้อแรก
.
- เนื้อสัตว์ไม่ใช่ของเหม็น อกุศลกรรมต่างหากที่เป็นของเหม็น
- ควรเป็นผู้อยู่ง่ายเลี้ยงง่าย
- อนุญาติในการกินเนื้อสัตว์ที่ -ไม่เห็น -ไม่รู้ -ไม่ใช่เนื้อที่ฆ่าโดยเฉพาะให้ตน
- อาหารเป็นแค่ของเลี้ยงกายไม่ให้ตาย อย่าสนใจมาก
.
สิ่งสำคัญที่เราทำได้ก็คือ เห็นเขาฆ่า อย่าไปฆ่าร่วมกับเขา อย่าสนับสนุนเขาอย่ามีความสุขจากการฆ่า และเหนืออื่นใด อย่าเกิดมาให้เขาฆ่าบ่อยๆ
.
ขอขอบคุณข้อมูล >>> พุทธที่แท้จริง
https://www.sanook.com/campus/1423715/
ขอบคุณรูปภาพจาก wikipedia