สงครามนกอีมู (The Great Emu War) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศออสเตรเลียปี 1932 เมื่อทหารของออสเตรเลียต้องต่อสู้กับฝูงนกอีมูที่เข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตร แต่ผลสุดท้ายมนุษย์ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
.
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารผ่านศึกของออสเตรเลีย รวมทั้งทหารผ่านศึกของอังกฤษอพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในภาคตะวันตกของออสเตรเลียเพื่อทำอาชีพเกษตรกรรม พื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างห่างไกล ประกอบกับเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกษตรกรกลุ่มนี้จึงได้รับการส่งเสริมให้เพิ่มผลิตผลข้าวสาลีเพื่อส่งให้กับรัฐบาล และรัฐบาลก็ได้สนับสนุนทุกช่องทาง
.
จนกระทั่งตุลาคม ปี 1932 เกษตรกรกลุ่มนี้เตรียมเก็บเกี่ยวข้าวสาลีส่งมอบรัฐบาล แต่กลับเจอฝูกนกอีมูมหาศาล ราว 20,000 ตัว ที่ผสมพันธุ์เสร็จตามฤดูกาลแห่เข้ามาหาอาหาร ทำลายรั้วของเกษตรกร และกัดกินข้าวสาลีที่ปลูกไว้จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก
.
เมื่อชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบคือทหารผ่านศึก พวกเขาย่อมเรียกร้องมาตรการแบบทหาร คือการใช้ปืนกลยิงถล่มกองทัพนกอีมู พวกเขารู้ดีว่าปืนกลสามารถกำจัดศัตรูจำนวนมากได้ในเวลาอันรวดเร็ว
.
จนถึงวันที่การปฏิบัติการเริ่มต้นขึ้น ได้มีการเริ่มโจมตีนกอีมูฝูงแรก แต่การโจมตีกลับไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากนกอีมูเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและกระจายตัวออกไป ต่อมาการโจมตีครั้งที่สองทหารสามารถฆ่านกอีมูได้เพียง 12 ตัว
.
ต่อมาทหารเปลี่ยนยุทธวิธีโดยพยายามดักซุ่มโจมตี แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ การโจมตีครั้งนี้ทำให้นกอีมูเสียชีวิตเพียง 40 ตัว จนแล้วจนเล่าการรบกับนกอีมูครั้งนี้ใช้เวลานานหลายวัน จนผลสรุปทั้งหมดทหารใช้กระสุนไปทั้งหมด 9,860 นัด สังหารนกได้ 986 ตัว เฉลี่ยแล้วใช้กระสุน 10 นัดต่อนก 1 ตัว มีนกบาดเจ็บ 2,500 ตัวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
.
แต่ประชากรนกอีมูยังคงมีอยู่มหาศาลและกัดกินพืชผลต่อไป ชาวบ้านจึงหันไปพัฒนารั้วที่แข็งแรงขึ้นจนป้องกันนกอีมูได้ในระดับนึง ส่วนรัฐบาลก็หันไปใช้นโยบายจ่ายเงินรางวัลตามจำนวนนกอีมูที่ยิงได้แทนซึ่งก็ได้ผลดีเลยทีเดียว
.
โดยท้ายที่สุดแล้วคนออสเตรเลียก็ได้ยอมรับว่า การรบกับนกอีมูในศึกครั้งนี้ มนุษย์ไม่สามารถเอาชนะฝูงนกเหล่านี้ได้ จึงทำให้มนุษย์กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามนี้นั่นเอง
.
ขอขอบคุณที่มา:
- https://www.worldatlas.com/.../emu-war-australia-s...
- https://www.themeateater.com/.../the-great-emu-war-of-1932
.