นอกจากการใช้ท่อนจันทน์แล้วยังมีวิธีการลงโทษที่พิสดารและแตกต่างออกไปในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อ วัฒนธรรม และอำนาจของชนชั้นเจ้าในสังคมไทยสมัยโบราณ เรามาดูวิธีการสำเร็จโทษที่มีรายละเอียดแตกต่างกันไปในอดีตกันค่ะ
.
การใช้ท่อนจันทน์
การลงโทษด้วยท่อนจันทน์มีไว้เฉพาะสำหรับการประหารชนชั้นเจ้า วิธีการนี้เป็นการใช้ท่อนไม้จันทน์ ซึ่งถือเป็นไม้มงคลมาทำเป็นเครื่องมือเพื่อสำเร็จโทษ ถือเป็นการรักษาเกียรติของเจ้า เนื่องจากท่อนจันทน์เป็นไม้หอมและมีคุณค่าทางวัฒนธรรม ซึ่งวิธีนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาและสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
.
การอดอาหาร
อีกวิธีหนึ่งในการลงโทษเจ้าและชนชั้นสูงคือการอดอาหารจนกว่าจะเสียชีวิต วิธีการนี้จะใช้เมื่อต้องการให้ผู้ต้องโทษค่อย ๆ หมดสิ้นชีวิตลงด้วยความทุกข์ทรมาน นอกจากนี้ยังมีการแยกผู้ถูกลงโทษออกจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ปล่อยให้อยู่ในที่แคบ ไม่มีอาหารหรือน้ำให้ดื่มกิน เพื่อให้เสียชีวิตไปเอง
.
การใช้ยาพิษ
การใช้ยาพิษก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ถูกใช้เพื่อกำจัดชนชั้นสูงหรือผู้ที่กระทำความผิด การใช้ยาพิษสามารถทำได้อย่างเงียบ ๆ และไม่มีการเจ็บปวดทางกายภาพมากนัก แต่ต้องขึ้นอยู่กับชนิดของพิษ
.
การใส่เครื่องพันธนาการ
การพันธนาการด้วยเครื่องมือเหล็ก หรือการใส่เครื่องจำกัดการเคลื่อนไหวก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง เช่น การใส่โซ่ตรวนให้ติดอยู่ในที่เดียว หรือการใส่เครื่องพันธนาการที่ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก
.
เฟอร์ดินันด์ เมนเดซ ปินโต (Ferdinand Mendes Pinto) นักเดินทางชาวโปรตุเกสในศตวรรษที่ 16 ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับการเดินทางของเขาในเอเชีย โดยหนึ่งในบันทึกที่สำคัญคือการมาเยือนไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเขาได้กล่าวถึงการลงโทษในสยาม (ไทย) ว่ามีความรุนแรงและน่าหวาดกลัว โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงการเฆี่ยนตีและการทรมานในรูปแบบต่าง ๆ
.
เขาได้กล่าวถึงการลงโทษที่น่าหวาดกลัวอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "การถ่วงน้ำ" ซึ่งเป็นการสำเร็จโทษที่โหดร้ายสำหรับผู้กระทำผิดร้ายแรง โดยเฉพาะในกรณีของการทรยศและการก่อกบฏ การถ่วงน้ำในสมัยนั้นถือเป็นการลงโทษที่ใช้กับทั้งสามัญชนและผู้มีตำแหน่งสำคัญในบางกรณี
.
จากบันทึกของปินโต วิธีการถ่วงน้ำมักเกี่ยวข้องกับการมัดร่างผู้ต้องโทษด้วยหินหรือวัตถุหนัก เช่น ลูกเหล็ก โซ่ตรวน หรือไม้ เพื่อให้ร่างกายของผู้ต้องโทษจมลงใต้น้ำและไม่สามารถลอยขึ้นมาได้ การถ่วงน้ำมักทำในแม่น้ำหรือสระน้ำลึก การลงโทษนี้มีความโหดร้ายเพราะผู้ต้องโทษจะค่อย ๆ จมและขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิตอย่างทรมาน อีกทั้งยังถือเป็นการตัดขาดจากชีวิตอย่างสิ้นเชิงโดยไม่มีโอกาสรอดชีวิต
.
ในบันทึกของไซมอน เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de La Loubère) ซึ่งเป็นราชทูตฝรั่งเศสที่เดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) และบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับสยามไว้ในหนังสือชื่อ "Du Royaume de Siam" ลาลูแบร์ได้กล่าวถึงการลงโทษที่โหดเหี้ยมและน่าหวาดกลัวหลายประเภท ซึ่งถูกใช้ในการสำเร็จโทษผู้กระทำผิดร้ายแรง รวมถึงการอุดพระนาสิก (จมูก) และการสับร่างเป็นสองท่อน ซึ่งสะท้อนถึงกฎหมายและการลงโทษอันเคร่งครัดของสยามในยุคนั้น
.
เครดิตรูปภาพ : @tomp_soda