"มนุษย์คนแรก" โฮโม ซาเปียนส์ (Homo sapiens) รุ่นแรกที่ถือเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน หรืออาจย้อนกลับไปยังบรรพบุรุษที่อยู่ในสายพันธุ์โฮโมก่อนหน้านั้น เช่น โฮโม อีเรกตัส (Homo erectus) หรือ ออสตราโลพิเทคัส (Australopithecus)
.
มนุษย์ในยุคแรกเริ่มมีลักษณะร่างกายที่แตกต่างไปตามสภาพแวดล้อม และบางสายพันธุ์ก็มีรูปร่างเล็กกว่ามนุษย์ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น
.
ออสตราโลพิเทคัส อาฟาเรนซิส (Australopithecus afarensis) ซึ่งอาศัยอยู่เมื่อประมาณ 3.9–2.9 ล้านปีก่อน มีความสูงเฉลี่ยเพียง 100–150 เซนติเมตรเท่านั้น
ในทางกลับกัน โฮโม ไฮเดลเบอร์เกนซิส (Homo heidelbergensis) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ยุโรปยุคใหม่ มีรายงานว่ามีความสูงประมาณ 160–175 เซนติเมตร
.
หนึ่งในตัวอย่างที่หลายคนมักพูดถึงคือเรื่องของ มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล (Neanderthals) ซึ่งอาศัยอยู่ในยุโรปและเอเชียตะวันตกเมื่อประมาณ 400,000–40,000 ปีก่อน แม้ว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ธัลจะมีร่างกายกำยำ แต่พวกเขาไม่ได้สูงกว่าโฮโม ซาเปียนส์ในยุคปัจจุบันมากนัก โดยความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 150–170 เซนติเมตร
.
ในทางกลับกัน มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในช่วงยุคหลังยุคน้ำแข็งกลับมีขนาดตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น
.
มนุษย์โครมันยอง (Cro-Magnon) ที่เป็นโฮโม ซาเปียนส์กลุ่มแรกในยุโรป มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 175 เซนติเมตร
.
ตำนานเรื่อง มนุษย์ยักษ์ ที่มีความสูงเกิน 2 เมตรปรากฏในหลากหลายวัฒนธรรม เช่น ตำนานไจแอนต์ในยุโรป หรือยักษ์ในเอเชีย ในหลายวัฒนธรรมของเอเชีย มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ยักษ์" ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่มากที่ปรากฏในนิทานพื้นบ้าน ตำนาน และศาสนา ตัวอย่างที่โดดเด่น เช่น ยักษ์ในรามเกียรติ์ (ไทย) อสูรในฮินดู ตำนานอินเดีย เช่น มหาภารตะ มีการกล่าวถึง "อสูร" หรือ "อสุร" ที่มีรูปร่างใหญ่และมีพลังเหนือมนุษย์ ยักษ์ในจีน นิทานเกี่ยวกับ "พันกู่" (Pangu) ผู้สร้างโลก มีลักษณะเป็นยักษ์ที่สูงใหญ่
.
ในทางโบราณคดี ยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเคยมีมนุษย์ที่มีความสูงหรือขนาดร่างกายใหญ่เกินกว่า 3 เมตร
.
ตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุดคือโครงกระดูกของ โฮโม ลองกิ (Homo longi) หรือที่รู้จักในชื่อ “มนุษย์มังกร” ซึ่งถูกค้นพบในจีน แม้จะมีหัวกะโหลกขนาดใหญ่ แต่ความสูงเฉลี่ยของพวกเขายังไม่เกินขอบเขตของมนุษย์ปัจจุบัน
.
วิวัฒนาการความสูงของมนุษย์ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยต่างๆ เช่น อาหารการกิน ในยุคหินใหม่ที่มนุษย์เริ่มทำเกษตรกรรม ความหลากหลายของอาหารลดลง ส่งผลให้ความสูงเฉลี่ยลดลง
.
อากาศและภูมิประเทศมีผลต่อรูปร่าง เช่น มนุษย์ในเขตร้อนชื้นมักมีรูปร่างสูงเพรียวเพื่อระบายความร้อนได้ดี
.
พันธุกรรมและการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา ความสูงเฉลี่ยของมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในประเทศที่มีการพัฒนาด้านโภชนาการและสุขภาพ
.
ในหะดีษของอิหม่ามบุคอรี (Sahih al-Bukhari) และอิหม่ามมุสลิม (Sahih Muslim) มีการบันทึกคำกล่าวของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ว่า:
“อัลลอฮ์ทรงสร้างอาดัมด้วยความสูง 60 ศอก และมนุษย์ยังคงลดความสูงลงมานับตั้งแต่นั้น”
ข้อความนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อว่ามนุษย์ในยุคแรกมีร่างกายสูงใหญ่ และค่อยๆ เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นมนุษย์ที่มีขนาดร่างกายใกล้เคียงกับในยุคปัจจุบัน
.
ในทางศาสนาความสูงของนบีอาดัมตามที่กล่าวถึงในหะดีษเป็นเรื่องที่ชาวมุสลิมยอมรับด้วยศรัทธา โดยถือว่าพระเจ้า (อัลลอฮ์) มีอำนาจเหนือธรรมชาติ และมนุษย์ในยุคแรกถูกสร้างขึ้นด้วยลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
.
นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ยังไม่พบหลักฐานทางโบราณคดีที่สนับสนุนการมีอยู่ของมนุษย์ที่มีความสูงถึง 27–30 เมตร ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษของมนุษย์มีรูปร่างเล็กกว่าเราในปัจจุบัน และการที่มนุษย์มีความสูงเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมและการปรับตัวตามยุคสมัย
.
มนุษย์คนแรกในแง่วิวัฒนาการไม่ได้สูงมากอย่างที่จินตนาการไว้ แม้บางสายพันธุ์จะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่ความสูงเฉลี่ยมักไม่เกินมาตรฐานมนุษย์ปัจจุบัน ข้อมูลเรื่องความสูงของมนุษย์คนแรกเป็นผลจากทั้งการตีความในเชิงวิทยาศาสตร์และความเชื่อในเชิงสัญลักษณ์
.
จากบทความข้างต้นนี้ช่วยคลายข้อสงสัยและสะท้อนให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงของร่างกายมนุษย์มีรากฐานจากวิวัฒนาการและปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนตลอดประวัติศาสตร์