ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เชื่อหรือไม่ว่ามีกลุ่มคนที่หลากหลายตัดสินใจแก้ปัญหาวิกฤตเนื้อสัตว์ในอเมริกา โดยการแนะนำใช้เนื้อฮิปโปโปเตมัสเป็นอาหาร แถม "สเต็กฮิปโป" เกือบได้กลายเป็นเมนูทั่วไปในปัจจุบันอีกด้วย
.
ในช่วงต้นปี 1900 เนื้อสัตว์เป็นที่ต้องการอย่างมาก เนื่องจากประชากรที่เพิ่มขึ้น และพื้นที่เลี้ยงสัตว์ถูกใช้จนหมด ทำให้ในช่วงนั้นเกิดสภาวะขาดแคลนอาหารขึ้น แต่ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า เฟรเดอริก รัสเซล เบิร์นแฮม จึงเสนอให้ “เนื้อฮิปโป” นั้นเป็นทางออก
.
เบิร์นแฮมสนับสนุนการกินเนื้อฮิปโปเพราะสัตว์อย่างวัว แกะ สัตว์ปีก และหมู ไม่ใช่สัตว์ท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสัตว์พวกนี้ถูกนำเข้ามาแต่กลับเป็นส่วนสำคัญในอาหารของคนอเมริกัน นอกจากนี้สัตว์ที่ถูกนำเข้าจากแอฟริกาบางชนิด เช่น นกกระจอกเทศและอูฐ ก็สามารถปรับตัวในพื้นที่ของสหรัฐได้ง่าย เบิร์นแฮมจึงเชื่อว่าฮิปโปก็คงปรับตัวในพื้นที่ของอเมริกาได้เช่นกัน
.
โรเบิร์ต บรูซซาร์ด สมาชิกสภาคองเกรสแห่งรัฐลุยเซียนา ก็ได้สนับสนุนการนำเข้าฮิปโปนี้ด้วย เพราะเขาคิดว่าสัตว์ชนิดนี้อาจช่วยแก้ปัญหาผักตบชวาที่แพร่กระจายอย่างมาก และทำให้ปลาหลายชนิดต้องตาย ซึ่งเป็นปัญหาที่เขาได้ก่อขึ้นนั่นเอง
.
พวกเขาได้เสนอร่างกฎหมาย H.R. 23261 หรือที่รู้จักกันว่า ร่างกฎหมายฮิปโป ในปี 1910 เพื่อขอเงินทุน 250,000 ดอลลาร์สำหรับการนำเข้าสัตว์ที่มีประโยชน์ รวมถึงฮิปโปเข้าสู่สหรัฐอเมริกา หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ได้ตั้งชื่อเนื้อฮิปโปว่าเป็น "เบคอนแห่งทะเลสาบ" อีกด้วย
.
โดยรสชาติของเนื้อฮิปโปมักถูกอธิบายว่าคล้ายกับเนื้อวัว โดยมีรสหวานเล็กน้อยและเนื้อสัมผัสที่เหนียวกว่าเนื้อวัว แถมมีไขมันแทรกที่เยอะมากด้วย
.
แต่อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ก็ได้ถูกยกเลิกไป เนื่องจากฮิปโปมีชื่อเสียงว่าเป็นสัตว์ที่ก้าวร้าว และหวงอาณาเขต ซึ่งไม่สามารถควบคุบให้อาศัยอยู่ในหนองน้ำได้ แต่เพื่อสนองความต้องการเนื้อสัตว์ของประชาชน บริษัทเนื้อสัตว์จึงเพิ่มการผลิตโดยทำให้ทุ่งเลี้ยงสัตว์กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์ และมีการระบายน้ำในพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อทำทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงวัว เพื่อแก้ปัญหาสภาวะขาดแคลนอาหารนี้แทน
.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก -
https://youtu.be/V3uuvLPHaCQ?si=G6UWOLzPRm9c5LHa