'สงครามครูเสด' หรือว่า 'สงครามศาสนา' เป็นสงครามที่กินเวลายาวนานมาก เป็นการต่อสู่ระหว่าง 'ศาสนาคริสต์' กับ 'ศาสนาอิสลาม' ที่ต้องการแย่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งก็คือ 'เยรูซาเล็ม' หรือว่า อิสราเอลในปัจจุบัน
.
ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Kingdom of Heaven น่าจะคุ้นเคยกับกษัตริย์ บอลด์วินที่ 4 ผู้ซึ่งทรงปกครองเยรูซาเล็มในระหว่างปี 1174 – 1185 และป่วยด้วยโรคเรื้อน และต้องรับมือกับกองทัพที่เข้มแข็งของซาลาดีนสุลต่านนักรบชาวเคิร์ดซึ่งเป็นนักรบที่เก่งที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลกอาหรับ ในภาพยนตร์นั้นอ้างอิงตัวละครจากในประวัติศาสตร์จริง
.
กษัตริย์บอลด์วินที่ 4 เหตุผลที่เขาต้องแต่งตัวแปลก ๆ หรือคลุมทั้งหน้าและร่างกายของเขาไม่ใช่เพียงเพราเพื่อความเท่ห์แต่อย่างใดแต่เป็นเพราะว่าเขาป่วยเป็นโรคเรื้อน ซึ่งโรคเรื้อนที่เขาเป็นมันไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และการป่วยในยุคนั้นก็อาจทำให้เสียชีวิตได้เลย
.
ในช่วงวัยเด็กตอนที่บอลด์วินกำลังเล่นต่อสู้กับเพื่อนอยู่แล้วเกิดมีอาการบาดเจ็บ แต่พระเจ้าบอลด์วินกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ข้าราชบริพารจึงสงสัยว่าพระเจ้าบอลด์วินเป็นอะไร ในภายหลังก็ค้นพบว่าเป็นโรคเรื้อน ซึ่งคาดว่าน่าจะติดมาจากคนใกล้ชิดที่ไม่มีอาการ
.
พระบิดาของพระเจ้าบอลด์วินได้ทำการสอนพระเจ้าบอลด์วินเกี่ยวกับการสู้รบ การขี่ม้าต่าง ๆ พออายุได้ 12 ปี พระเจ้าบอลด์วินก็ได้ขึ้นครองราชย์เนื่องจากพระบิดาเสียชีวิต แต่ในตอนนั้นพระเจ้าบอลด์วินมีผู้ว่าราชการหลังม่านให้ด้วย
.
และถึงแม้ว่าเขาจะป่วยเป็นโรคเรื้อนและทำให้เขาไม่มีความรู้สึกทางด้านซีกขวา แต่เมื่อตอนอายุได้ไม่ถึง 15 ปี พระเจ้าบอลด์วินได้อาสาที่จะออกไปรบเอง
.
ในช่วงเวลานั้นซาลาดีนถือเป็นนักรบที่เก่งที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลกอาหรับ หรือทางฝั่งอิสลามได้ยกกำลังพลมาประมาณ 20,000 กว่าคน ในขณะที่พระเจ้าบอลด์วินที่4 ที่นับถือศาสนาคริสต์มีกำลังพลเพียงแค่ 500 คนเท่านั้น ก็สามารถที่จะขับไล่ซาลาดีนออกไปจากเยรูซาเล็มได้ ซึ่งถือว่าเก่งมากเพราะว่าพระเจ้าบอลด์วินป่วยด้วยไม่มีความรู้สึกทางด้านขวาเลย แต่สามารถเอาชนะศัตรูที่เข้มแข็งกว่าและเอาชนะได้หลายต่อหลายครั้ง
.
และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นโรคเรื้อนแต่ข้าราชบริพารก็ปฏิบัติต่อพระเจ้าบอลด์วินเป็นอย่างดี เพราะพวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าบอลด์วินเป็นพรของพระเจ้า หลายคนในพระราชสำนักเชื่อว่าพระเจ้าบอลด์วินน่าจะเสียชีวิตไว แต่เขาก็รอดตายจากโรคเรื้อนได้ถึง 2 ครั้ง แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตลงในวัยเพียงแค่ 24 ปี
.
ช่วงสุดท้ายของพระเจ้าบอลด์วินที่ 4 เขาตาบอด ไม่สามารถเดินหรือถือของอะไรได้เลย แต่เขาก้ถูกบันทึกไว้เมื่อพันกว่าปีก่อนว่าเป็นกษัตริย์ที่เก่งกาจมาก
.
ท้ายที่สุดหลังจากพระเจ้าบอลด์วินที่ 4 สินพระชนม์ ซาลาดีนก็สามารถยึดเยรูซาเล็มสำเร็จจากการป้องกันเมืองของ 'เบเลียนแห่งไอเบริน' ผู้ปกป้องนครศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ถึงกระนั้นทางซาลาดีนก็ได้ยินยอมให้ชาวบ้านบางส่วนจ่ายค่าไถ่ตัวเองเพื่อเป็นอิสระได้ และยินยอมให้ชาวยิวที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณนั้นสามารถอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มต่อไปได้ ซึ่งทั้งอำนาจและความเมตตาของซาลาดีนทำให้เขาเป็นที่ยอมรับและเคารพในประวัติศาสตร์โลกตะวันตกเป็นอย่างมากอีกด้วย
______________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-https://www.christianwebsite.com/was-baldwin-iv-christian/
-History Calling
-เครดิตข้อมูลโดย https://thaiarmedforce.com/.../king-baldwin-4-saladin.../
-เครดิตข้อมูลโดย katecalissa