เชื่อหรือไม่ว่ามันเคยมีเมืองอยู่เมืองนึงที่เป็นพื้นที่แออัดยัดเยียดมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายในเมืองเป็นตึกสูงซ้อนกันไปมาจนเหมือนกำแพง ทางเดินข้างในเป็นเหมือนกับเขาวงกตที่ 'ตำรวจ' ไม่กล้าเข้า มันเป็นเมืองที่ไม่มีกฎหมาย แล้วข้างในก็เต็มไปด้วยธุรกิจดำมืด ไม่ว่าจะเป็นพวกหมอเถื่อน แก๊งมาเฟีย หรือว่าพวกกินเนื้อหมา
.
และนี่คือเมือง 'Kowloon Walled City' เป็นเมืองที่แออัดและอันตรายที่สุดเท่าที่โลกของเราเคยมีมา
.
เมืองกำแพง Kowloon เริ่มต้นมาจากสงครามฝิ่น เมืองนี้เคยเป็นป้อมทหารเล็ก ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 19 ประเทศอังกฤษได้ลักลอบนำฝิ่นมาขายในจีน ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้จีนไม่พอใจ เพราะว่าฝิ่นมันเป็นของผิดกฎหมาย พอจีนไม่ยอมอังกฤษก็เลยประกาศสงครามใส่จีน(First Opium War 1839-1842) แล้วก็รบชนะจีน
.
ผลสุดท้ายคือจีนต้องยกบริเวณฮ่องกงให้ประเทศอังกฤษยืมเป็นเวลานานถึง 99 ปี ยกเว้นตรงบริเวณเมือง Kowloon ที่ยังคงเป็นของจีนอยู่ แต่ในตอนนั้นประชากรของเมือง Kowloon ยังไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วก็ช่วงสงครามการเมืองของจีน ทำให้มีผู้อพยพมหาศาลแห่กันไปที่ฮ่องกง
.
พอเวลาผ่านไปเมือง Kowloon จึงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากบ้านกลายเป็นตึก จากตึกกลายเป็นตึกแถว พอหมดพื้นที่ให้สร้างตึกเพิ่มก็จะสร้างตึกทับกันสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายทำให้เมืองมันหน้าตาเหมือนกับตึกกำแพงสูง ๆ ที่ตั้งซ้อนกันไปมา ดูแล้วน่าอึดอัดมากถ้าเราจะเข้าไปอยู่อาศัยบริเวณนั้น
.
ในพื้นที่ที่มีขนาดประมาณสนามฟุตบอล 4 อัน จะมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 33,000 คน เป็นอย่างต่ำ ซึ่งการสร้างตึกทั้งหมดพวกนี้ไม่ได้ยึดตามหลักกฎหมายก่อสร้าง จะสร้างยังไงก็สร้างได้ มีข้อห้ามเพียงอย่างเดียวคือการห้ามสร้างตึกที่มันสูงจนเกินไป เพราะว่าเมือง Kowloon อยู่ใกล้กับสนามบิน
.
เมือง Kowloon เหมือนเป็นพื้นที่สีเทาที่จะ 'ไม่มีตำรวจ' หรือ 'รัฐบาล' ที่ไหน 'กล้าเข้าไปยุ่ง' เพราะว่านอกเหนือจากพวกตรอกซอกซอยที่อย่างกับเขาวงกตแล้ว เมือง Kowloon ยังเต็มไปด้วยพวกมาเฟีย ธุรกิจค้าเนื้อหมา ค้ายาเสพติด รวมไปถึงการค้าประเวณี หมอเถื่อน หมอฟันเถื่อน และโรงงานเถื่อนอีกด้วย
.
โดยสภาพแวดล้อมภายในเมืองนี้ก็จะแย่มาก เพราะว่าส่วนมากในเมืองจะไม่มีน้ำประปาสะอาดใช้ คนในพื้นที่นั้นจะเดินท่อกันเอง หรือไม่ก็จะออกไปตักจากพวกก็อกสาธารณะ และมีเศษขยะเกลื่อนเต็มเมืองไปหมด เพราะคนในนั้นชอบทิ้งขยะไว้บนดาดฟ้า หรือไม่ก็ไปโยนทิ้งตามพวกซอกตึกเลยก็มี
.
อีกชื่อนึงของเมือง Kowloon ในภาษากวางตุ้ง คือ เมืองแห่งความมืด เพราะว่าพวกทางเดินส่วนมากในเมืองจะไม่เห็นแสดงอาทิตย์เลย มีเพียงแต่แสงจากหลอดไฟสลัว ๆ เท่านั้น
.
แต่ในปี 1984 รัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลจีนได้นั่งเจรจากันเรื่องการคืนฮ่องกง ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่เขาคุยกันคือเมือง Kowloon ถึงแม้มันจะเป็นเมืองที่พิเศษและมีคนอาศัยอยู่เยอะแต่สุดท้ายแล้วเมือง Kowloon มันมีปัญหาเรื่องสุขอนามัยและเสี่ยงต่อการไฟไหม้มากจนเกินไป
.
ทำให้ในปี 1993 เมือง Kowloon จึงถูกสั่งรื้อออก ซึ่งปัจจุบันชาวเมืองบางส่วนยังไม่ได้รับเงินชดเชย บ้างก็ได้รับแต่ก็เป็นเงินจำนวนน้อยนิด ไม่เพียงพอแก่การหาที่อยู่ใหม่ได้ แต่ถึงจะได้เงินชดเชย เงินส่วนนี้ก็สามารถใช้จ่ายค่าเช่าได้เพียงไม่กี่เดือนในโลกภายนอก คนในเมืองต่างระหกระเหินออกไปด้วยความสิ้นหวังเมื่อทุกอย่างพังลง เพราะชาวเมืองนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจน ด้วยปัจจัยทางสังคมและชนชั้นหลายอย่างกดดันให้พวกเขาเหล่านั้นไม่มีทางเลือกจึงต้องเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยความจำเป็น แม้ว่าจะมีความหวังว่าสักวันหนึ่งคงจะลืมตาอ้าปากและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ไม่แคล้วจะถูกบีบอยู่ในกำมือของเหล่านายทุนและผู้มีอิทธิพลที่รุมทึ้งจิกกินผลประโยชน์จากเมืองนี้ทั้งสิ้น
.
ในปัจจุบันนี้บริเวณที่เคยเป็นเมือง Kowloon ก็ได้กลายเป็นสวนสาธารณะที่รำลึกถึงเมือง Kowloon แทน หากใครเคยไปที่เมือง Kowloon หรือทันได้เห็นกับตา ช่วยรบกวนมาคอมเมนต์เล่าสู่กันฟังหน่อยว่ามันเป็นยังไง
______________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-เครดิตข้อมูลโดย https://urbancreature.co/kowloon-walled-city/
-เครดิตข้อมูลโดย Havehis
-เครดิตข้อมูลโดย https://edition.cnn.com/.../kowloon-walled-city/index.html
-เครดิตข้อมูลโดย https://www.thetravelclub.org/.../664-kowloon-walled-city...