มุกเมโล (Melo Pearl) เป็นหนึ่งในอัญมณีธรรมชาติที่ทั้งหายากและน่าหลงใหลที่สุดในโลก ราคาของมันถึงได้สูงลิบจนกลายเป็นของสะสมระดับเศรษฐี เพราะมุกเมโลไม่ใช่ไข่มุกที่เกิดจากหอยมุกธรรมดา แต่เป็นไข่มุกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติภายใน "หอยโข่งทะเล" ชื่อว่า Melo melo ที่อาศัยอยู่ในทะเลแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม เมียนมา และไทยตอนใต้
.
จุดที่ทำให้มุกเมโลแตกต่างจากไข่มุกทั่วไปอย่างสิ้นเชิงคือ มันไม่สามารถ "เพาะเลี้ยง" ได้ ต้องรอลุ้นจากหอยที่มีชีวิตอยู่ในธรรมชาติเท่านั้น โอกาสที่จะเจอมุกเมโลในหอยแต่ละตัวมีน้อยมาก หลายพันตัวอาจจะได้แค่เม็ดเดียว และในหมู่มุกที่พบเหล่านั้น ยังมีไม่ถึง 10% ที่สีสวยงามสมบูรณ์จนมีมูลค่าสูง ด้วยเหตุนี้ มุกเมโลจึงเป็นของหายากอย่างแท้จริง
.
สีของมุกเมโลมีตั้งแต่ส้มอ่อน พีช เหลืองทอง ไปจนถึงส้มเข้ม สีที่สวยสดและสม่ำเสมอทั่วทั้งเม็ดโดยเฉพาะเฉดส้มทองนั้นยิ่งหายากเข้าไปอีก ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือพื้นผิวของมุกเมโลจะมีความมันเงาแบบ "ลายเปลวไฟ" (flame structure) วิ่งอยู่ใต้ผิว ให้ความรู้สึกเหมือนเปลวไฟกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเนื้อไข่มุก ซึ่งความเงาและลายไฟนี้ไม่มีในไข่มุกชนิดอื่น
.
เนื่องจากธรรมชาติสร้างมุกเมโลขึ้นมาโดยไม่มีชั้นเปลือกมุก (nacre) เหมือนไข่มุกปกติ มันจึงมีลักษณะพื้นผิวเฉพาะตัวที่นุ่มนวลแต่วาววับสวยงาม และต้องการการดูแลพิเศษ เช่น การหลีกเลี่ยงสารเคมีหรือกรดที่อาจทำลายพื้นผิวได้ เพราะมุกเมโลไม่ทนสารกัดกร่อนเหมือนไข่มุกทะเลทั่วไป
.
สำหรับนักสะสมและเศรษฐี มุกเมโลไม่ใช่แค่เครื่องประดับธรรมดา แต่เป็น "สมบัติล้ำค่า" ที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์มหาศาล หลายคนเชื่อว่าสีทองและส้มเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ความโชคดี และพลังบารมี การได้ครอบครองมุกเมโลถือเป็นการเสริมพลังชีวิตในเชิงฮวงจุ้ยด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่มุกเมโลสีทองเข้มขนาดใหญ่จะถูกประมูลไปในราคาหลายล้านบาทต่อเม็ด โดยเฉพาะเม็ดที่มีรูปร่างกลมสมบูรณ์แบบ น้ำหนักสูง และลายไฟชัดเจนยิ่งมีค่าขึ้นไปอีกเท่าตัว
.
สรุปแล้ว มุกเมโลคือสุดยอดอัญมณีที่รวมความงามตามธรรมชาติ ความหายาก ความหมายเชิงมงคล และความล้ำค่าทางการเงินเข้าไว้ด้วยกัน เป็นของที่ "หาได้ยากกว่าทองคำ" และ "พิเศษเกินจะหาอะไรมาทดแทนได้" จึงไม่แปลกเลยที่ใครหลายคนต่างใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครองสักเม็ดในชีวิต