HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

Miyuki Ishikawa (มิยูกิ อิชิคาวะ)
“ไม่อยากให้เด็กต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้าย”

 
  20/09/2023  
 
“Miyuki Ishikawa” (มิยูกิ อิชิคาวะ) ผดุงภรรภ์ผู้สังหารทารกกว่า 100 ศพ กับเหตุผลที่ว่า “ไม่อยากให้เด็กต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้าย”
.
ในปี 1945 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นหลังพ่ายแพ้สงครามโลก มีฆาตกรต่อเนื่องได้ถือกำเนิดขึ้นในเวลานั้น ข่าวนี้ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศเมื่อมีการค้นพบความจริง
.
ช่วงประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือนมกราคม ในปี 1948 เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโตเกียวได้พบศพเด็กทารก 5 คนซึ่งหลังจากตรวจสอบพวกเขาพบว่าทุกคนไม่ได้เสียชีวิตด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ
.
ผู้คนในเมืองต่างหวาดวิตก และความกลัวนี้ยิ่งกระจายตัวในวงกว้างหลังมีการพบศพเด็กทารกอีก 40 รายในบริเวณใกล้เคียง และอีกราว 30 รายที่วัดใกล้ๆ
.
เนื่องด้วยในเวลานั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะช่วยในการติดตามจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด จึงมีการรายงานว่าศพของทารกขั้นต่ำน่าจะอยู่ที่ 85 ราย และอาจมีมากถึง 169 ราย แต่จำนวนที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือ 103 ราย
.
ผู้ก่อเหตุมีชื่อว่า “Miyuki Ishikawa” ผดุงครรภ์ผู้มีหน้าที่คือช่วยให้เด็กหลายคนคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
.
มิยูกิเกิดในปี 1897 หลังจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ก็ได้เข้าทำงานเป็นพยาบาลผดุงครรภ์ที่บ้านเกิดของเธอในจังหวัดมิยาซากิ
.
ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ที่มี ในไม่ช้าเธอก็ได้กลายเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคโตบุกิ สถานที่เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดใจในเวลาต่อมา
.
มิยูกินั้นแต่งงานแล้ว แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจหลังสงครามโลกที่ทรัพยากรขาดแคลน คนตกงาน รวมถึงอาหารที่ต้องแย่งชิง ทำให้เธอกับสามีไม่ได้มีลูกด้วยกัน
.
ความปรารถนาที่ไม่ได้รับการเติมเต็ม ก่อให้เกิดความบิดเบี้ยวขึ้นในจิตใจของมิยูกิเธอรู้สึกสงสารเด็กๆ ที่ต้องเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน หรือแม้กระทั่งเด็กที่ถูกทอดทิ้งเนื่องจากพ่อแม่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้
.
ด้วยเหตุนี้มิยูกิจึงได้ตัดสินใจว่า แทนที่จะให้เด็กๆ เหล่านั้นต้องเติบโตพร้อมชีวิตที่หิวโหย และยากลำบาก สู้ให้เธอทำให้พวกเขาจากไปอย่างสงบไม่ดีกว่าหรือ? นี่ไม่ใช่การทำบุญเพื่อปลดความทุกข์ยากให้กับพวกเขาหรอกหรือ?
.
มิยูกิเริ่มลงมือก่อเหตุร่วมกับสามี และผู้ช่วยของเธอในเวลาต่อมา วิธีการที่ใช้คือการปล่อยให้ทารกเหล่านั้นอดน้ำอดอาหาร และละเลยจนกระทั่งเสียชีวิต
.
เรื่องนี้พยาบาลคนอื่นๆ ต่างรู้กันดี แต่เมื่อแจ้งไปยังรัฐบาลท้องถิ่น พวกเขากลับเพิกเฉย จนทำให้พวกเธอหลายคนทำในรับไม่ได้ และลาออกไปในที่สุด
.
หลังสังหารทารก สามีของมิยูกิจะเรียกเก็บเงินจากพ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นโดยอ้างว่า “การตายของเด็กที่ถูกปิดเงียบ ถูกกว่าค่าเลี้ยงดูที่พวกเขาต้องจ่ายเสียอีก”
.
ผู้ช่วยของมิยูกิจะทำทีเป็นตรวจหาสาเหตุของการเสียชีวิต และกลบเกลื่อนเหตุฆาตกรรมให้อย่างแนบเนียนด้วยการปลอมใบมรณะบัตรขึ้นมา
หลังมีการพบศพเด็กทารก ทางตำรวจได้เร่งทำการสืบสวนจนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมตัวฆาตกร และผู้เกี่ยวข้อง
.
ระหว่างการพิจารณาคดีมิยูกิได้โต้แย้งข้อกล่าวหาว่า สิ่งที่เธอทำนั้นไม่ใช่ความผิดแต่เป็นการช่วยเหลือ และพ่อแม่ที่ทอดทิ้งลูก ๆ ควรเป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อการตายของพวกเขา
.
เธอกล่าวถึงอนาคตที่ไร้ความหวังของเด็กๆ และเหตุผลที่ตัดสินใจลงมือสังหารก่อนที่เด็กเหล่านั้นจะต้องเติบโตมาพร้อมความยากลำบาก สิ่งนี้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกเห็นใจ และให้การสนับสนุนมิยูกิในวงกว้าง
.
อย่างไรก็ตาม มีนักวิจารณ์หลายคนรู้สึกไม่เห็นด้วย เนื่องจากสถานะทางการเงินของมิยูกินั้นเรียกได้ว่ามั่งคั่งจากการเรียกเก็บเงินจากครอบครัว อีกทั้งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายของญี่ปุ่นไม่ได้คุ้มครองชีวิตของเด็กทารกมากเท่าที่ควร
.
มิยูกิถูกตัดสินให้จำคุก 8 ปี ส่วนสามี และผู้ช่วยต้องโทษจำคุก 4 ปีจากการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด อย่างไรก็ตาม ในภายหลังพวกเขาได้ทำเรื่องยื่นอุทธรณ์และได้รับการลดโทษลงครึ่งหนึ่ง
.
คดีสะเทือนขวัญที่มีทารกถูกสังหารมากกว่า 100 ศพได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จึงทำให้รัฐบาลของญี่ปุ่นพิจารณาการร่างกฎหมายทำแท้ง เพื่อลดจำนวนเด็กที่เกิดจากความไม่พร้อม
.
ญี่ปุ่นได้เริ่มมีกฎหมายการทำแท้งออกมาในเวลาต่อมา (Eugenic Protection Act 1948) ภายใต้กฎหมายการบำรุงพันธุ์ของญี่ปุ่น
.
ขอขอบคุณที่มา:

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.