HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

พระมัมมี่ (Sokushinbutsu)
การบำเพ็ญเพียรแบบสุดโต่ง

 
  20/03/2024  
 
พูดถึงมัมมี่ใครๆ ก็คงต้องนึกถึงอียิปต์ แต่ความจริงแล้วที่ญี่ปุ่นก็มีเหมือนกัน เพียงแค่ใช้วิธีต่างกัน โดยในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกว่า “โซกุชินบุตสึ” หรือ “พระมัมมี่” นั่นเอง
.
ในประเทศญี่ปุ่น พระมัมมี่ แท้จริงแล้วก็คือการบำเพ็ญเพียรอย่างสุดโต่งของพระญี่ปุ่นในนิกายชินงอน ซึ่งเป็นนิกายเก่าแก่ที่อาศัยอยู่บนภูเขา โดยเรียกวิธีทำมัมมี่ด้วยตัวเองนี้ว่า โซกุชินบุตสึ (Sokushinbutsu) พบได้ในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น แต่ที่พบมากคือในแถบยามากะตะทางตอนเหนือ ในช่วงศตวรรษที่ 11 ถึง 19
.
กระบวนการนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของ “การบรรลุธรรม” เพราะจะทำให้ร่างเป็นอมตะ ไม่เน่าเปื่อย ดำรงคงอยู่ตลอดไปจน แต่กระบวนการนี้ก็ไม่ใช่ว่าพระทุกท่านจะทำสำเร็จ
.
โดยการเตรียมตัวของพระผู้ที่ซึ่งตัดสินใจแล้วที่จะสละละโลกนี้ไป พระรูปนั้นจะต้องบำเพ็ญเพียรต่างๆ เป็นเวลานานถึง 3,000 วัน (หรือประมาณ 8-10 ปีเลยทีเดียว)
.
โดยในช่วง 1,000 วันแรกต้องงดเนื้อสัตว์ และพืช 5 ชนิดคือ ข้าว ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี ถั่วแดง และถั่วเหลือง โดยทานได้แค่เพียง เปลือกไม้ รากไม้ พืชผัก และเห็ด นอกจากนี้ ยังต้องไปบำเพ็ญเพียรหลากหลายแบบ เช่น ไปนั่งสมาธิในถ้ำที่เงียบสงบ ไปนั่งสมาธิอยู่ใต้น้ำตกที่หนาวเฉียบ ออกบิณฑบาตข้ามจังหวัดเดินทางในที่ไกลๆ
.
ในช่วง 1,000 วันต่อมา งดพืชเพิ่มอีก 5 ชนิตคือ โซบะ ข้าวโพด หญ้าปล้องละมาน ข้าวฟ่างหางกระรอก และข้าวฟ่างไม้กวาด และยังต้องไปบำเพ็ญเพียรโดยการออกบิณฑบาตไปจังหวัดต่าง ๆ โดยสาเหตุที่ต้องอดอาหาร และเดินทางไกลจะช่วยกำจัดไขมัน และน้ำที่อยู่ในร่างกายให้ลดลง พร้อมทั้งกำจัดแบคทีเรียในร่างกาย เพื่อให้เข้าใกล้กระบวนการเป็นมัมมี่อย่างสมบูรณ์แบบ
.
โดยในระยะสุดท้าย จะมีการดื่มชาพิษ เป็นชาที่มีส่วนผสมของน้ำยางจากต้นอุรุชิ (ซึ่งเป็นยางไม้ที่นำมาเคลือบภาชนะ) โดยหลังจากดื่มจะทำให้อาเจียนเพื่อกำจัดของเหลวภายในร่างกายออกมา และยางชนิดนี้ทำให้เครื่องในภายในร่างกายไม่เน่าเปื่อย และเป็นตัวช่วยในการกำจัดแมลง หรือหนอนที่อยู่ภายในร่างกายด้วย
.
หรือหากไม่ดื่มชาพิษ ก็จะดื่มชาที่มีส่วนผสมของเกลือจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ โดยเมื่อนำเกลือนี้ไปวิเคราะห์ก็พบว่าเกลือนี้มีสารหนูเป็นปริมาณมาก ซึ่งก็จะให้ผลลัพธ์เหมือนกับชาข้างต้น
.
เมื่อเตรียมร่างกาย และบำเพ็ญเพียรจนครบ 2,000 วันแล้ว ใน 1,000 วันสุดท้ายพระท่านจะต้องเข้าไปอยู่ในหลุมศพ โดยจะเรียกพิธีนี้ว่า “โดจูนิวโจ” โดยหลุมศพจะอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 3 เมตร เป็นหลุมศพไม้พอดีตัวเพื่อให้ลงไปนั่งทำสมาธิ และมีระฆังติดตัวไปเพียง 1 ใบ มีการปิดผนึกเจาะรูและมีท่อไม้ไผ่ยาวขึ้นมา เพื่อให้ลูกศิษย์ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่โดยการสั่นระฆัง หากวันไหนไม่ได้ยินลูกศิษย์ก็จะปิดผนึกท่อนั้นทันที
.
และปล่อยสุสานนี้ไว้จนครบ 3,000 วัน หลังจากนั้นก็จะมีการเริ่มขุดศพขึ้นมา หากพบว่าร่างแห้ง และไม่เน่าเปื่อย ก็ถือว่าเป็นพระมัมมี่ที่ศักดิ์สิทธิ์บรรลุธรรมจริง และมีการแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายของพระชั้นสูง เพื่อนำร่างไปให้ประชาชนกราบไหว้ เคารพบูชา แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำสำเร็จกันทุกรูป บางรูปศพก็เน่าเปื่อยแต่ก็ยังคงนำร่างไปทำพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อเป็นเคารพศพเช่นกัน
.
จนกระทั่งในปี ค.ศ.1880 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายสั่งห้ามฆ่าตัวตายโดยขุดหลุมฝังศพ ซึ่งแปลว่าพิธีกรรมนี้ก็จะผิดกฎหมายทันที จึงทำให้พิธีดังกล่าวค่อย ๆ จางหายไป แต่ก็ยังคงมีการลักลอบแอบทำพิธีกรรมนี้กันอยู่บ้าง
.
ขอขอบคุณที่มา
.

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.