พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่6) ผู้ไม่ยอมแต่งงานกับน้องสาวตนเอง เมื่อ พระองค์ เดินทางกลับมาจากยุโรป ก็ถูกสเด็จแม่เกณฑ์ให้แต่งงาน โดยพระองค์ทรงระบายว่า ทูลกระหม่อมก็ทรงบ่นอยู่ว่าอยากให้ฉันมีเมีย โดยเสด็จแม่เสนอให้แต่งงานกับสมเด็จหญิงน้อย หรือที่รู้จักกันในนาม 'เจ้าฟ้าหญิงนิภานภดล' แต่พระองค์ท่านก็ยังยืนกรานว่า ตนจะไม่ยอมเลือกน้องสาวเป็นเมียเด็ดขาด
.
นั่นจึงทำให้เกิดเป็นประเด็นถกเถียงกับเสด็จแม่ไปกันใหญ่จนพระองค์ยอมเลือก ลูกของเสด็จลุง(กรมหลวงเทวะวงศ์ฯ) คนหนึ่งคือ หม่อมเจ้าหญิงทิพรัตนประภา เทวกุล หรือที่เรียกกันว่า หญิงโอ โดยตกลงกันว่าจะให้เสด็จแม่รับไปฝึกฝนกิริยามารยาทเสียก่อน
.
แต่ตัวของหญิงโอนั้นมีประวัติว่า เคยแผลงฤทธิ์กับแม่ถึงกับลงไปนอนดิ้นที่พื้นแล้วกรี๊ด ๆ ซึ่งฟังดูเป็นลักษณะของฮิสทีเรียอยู่ ซึ่งเสด็จแม่ได้แก้เสียว่า "ถ้าได้มีผัวก็คงหาย" แต่พระองค์มองว่า "ถ้าไม่หายล่ะจะเป็นอย่างไร ฉันจะมิต้องมีเมียที่คุ้มดีคุ้มร้ายอยู่หรือ แล้วฉันจะได้ความสุขอย่างไร?"
.
จึงได้ข้อสรุปในการพยายามจับคู่ครั้งนี้ว่า "ในการเลือกเมียให้ฉันครั้งนั้น ดูไม่เห็นมีใครคอยพะวงถึงความสุขของฉันนัก เพราะมัวแต่นึกถึงความเหมาะสมเสียมากกว่า" ซึ่งสุดท้าย พระองค์ก็ไม่ได้แต่งงานกับหญิงโอ เพราะต่อมาภายหลังเสด็จแม่ทรงกริ้วและบอกไม่ให้แต่งเอง
.
ส่วนเหตุผลในการที่พระองค์ ไม่ยอมรับธรรมเนียมแต่งงานกับน้องสาวนั้น ก็ยังไม่ปรากฎแน่ชัดว่าเป็นเพราะอะไรแต่สันนิษฐานว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ
1.กลัวถูกตำหนิจากฝรั่งในเรื่อง incest
2.เกี่ยวกับเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งปรากฎในการทุ่มเถียงกับน้องชายเล็ก(กรมหลวงพิษณุโลกฯ)ว่า "การแต่งงานกับน้องสาวอาจให้โทษได้มาก คือนอกจากจะถูกติเตียนจากทางฝรั่งแล้วยังมีโทษจากทางแพทยศาสตร์อีกด้วย" ซึ่งทางน้องชายเล็กก็ได้บอกว่า การที่หญิงชายผู้เป็นญาติสนิทแต่งงานกันอาจมีผลร้ายแก่ลูก คือทำให้เป็นบ้าหรือสมองอ่อน หรือเป็นฝีในท้อง รวมไปถึงทำให้เป็นโรคเลือดน้อยอีกด้วย
.
จากเรื่องที่เล่ามาแสดงว่าในราชสำนักเองก็เริ่มมีการรับรู้ถึง 'ข้อเสียในการแต่งงานกับพี่น้องที่ใกล้ชิด' แต่ก็ยังมีการพยายามกะเกณฑ์ให้ยอมรับตามธรรมเนียมเดิมอยู่ สมดังที่ รัชกาลที่6 ได้สรุปไว้ว่า "เพราะทุกคนนึกถึงความเหมาะสมเสียมากกว่า
_____________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-ประวัติศาสตร์แนวเอียง
-ประวัติต้นรัชกาลที่ 6 โดย สนพ.มติชน
