HOME
 
 
CONTACT
  LIFESTYLE  
 

ทุกคนรู้ไหมว่าก่อนที่พิซซ่าจะกลายมาเป็น
อาหารสุดโปรดของผู้คนทั่วโลก
มันเคยเป็นอาหารที่โดนเหยียดมาก่อน

 
  16/02/2023  
 

ถ้าหากจะพูดถึงประวัติและความเป็นมาของพิซซ่า จริง ๆ แล้วพวกอาหารประเภทที่คล้ายกันกับพิซซ่า ก็คืออาหารที่มีขนมปัง แล้วก็มีหน้าต่าง ๆ โรยอยู่ด้านบน ซึ่งอาหารประเภทนี้มันมีมาอย่างยาวนานแล้วในประวัติศาสตร์ โดยส่วนมากจะนิยมเรียกอาหารประเภทนี้ว่า ‘Flatbread’ ซึ่งก็คือ ขนมปังที่มีรูปร่างแบน ๆ เหมือนกับพิซซ่านี่แหละ

ทีนี้หากสมมติว่าเราจะไปดูวัฒนธรรมต่าง ๆ เราก็ขอยกตัวอย่างจากช่วงประมาณ 2200 ปีก่อนคริสต์ศักราช ที่ในอียิปต์มีการกินอาหารที่คล้าย ๆ กับพิซซ่าเหมือนกัน ก็คือเป็นขนมปังอบ ๆ แล้วก็มีการโรยถั่ว โรยเครื่องเทศด้านบน

โดยสมัยก่อนพิซซ่าเป็นเพียงขนมปังแบน ๆ ท็อปด้วยเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เสิร์ฟอย่างง่าย ๆ เป็นอาหารบ้าน ๆ แสนติดดินสำหรับคนจนที่ไม่มีเงินซื้ออาหารราคาแพง บางทฤษฎีบอกไว้ว่า “Pizza” มาจากคำภาษาละตินว่า “Pinsa” ซึ่งแปลว่า ขนมปัง นั่นเอง

ว่ากันว่า เมนูแสนธรรมดานี้ปรากฏครั้งแรกผ่านกลอนมหากาพย์ภาษาละตินที่ชื่อว่า เอเนียด (Aeneid) ของเวอจิล (Virgil) ซึ่งเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มนามว่า เอนีอาส (Aeneas) ที่ได้เดินทางไปยังประเทศอิตาลี ต่อมาเขากลายเป็นบรรพบุรุษของชาวโรมันนั่นเอง

ตอนหนึ่งในกลอน เล่าถึงเอนีอาสและผู้ติดตามของเขาที่กำลังนั่งลิ้มรสขนมปังข้าวสาลีแผ่นบางอยู่ใต้ต้นไม้ แต่ถ้าจะกินแค่นั้นชีวิตมันก็ไร้รสชาติใช่ไหมล่ะ พวกเขาจึงลองเติมเห็ด และสมุนไพรที่หาได้ในป่าลงไป ทำให้รสชาติดีขึ้นจนทุกคนถูกอกถูกใจ เรียกได้ว่า เป็นไอเดียสุดบรรเจิดที่จุดประกายให้เกิดการสร้างสรรค์พิซซ่าเลยล่ะ

ซึ่งต้นกำเนิดของพิซซ่าได้เกิดขึ้นในปลายศตวรรษที่ 18 เป็นพิซซ่าที่มีลักษณะใกล้เคียงกับในปัจจุบัน กำเนิดขึ้นที่เมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี ช่วงนั้นจำนวนประชากรเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจที่แย่ลง ผู้คนอดอยากจากค่าแรงเพียงน้อยนิดที่พวกเขาได้รับ ประชาชนทั่วไปจึงต้องการอาหารที่ทั้งถูกและกินง่าย

ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อเมืองเนเปิลส์ แล้วก็รู้สึกว่ามันคล้ายกับเมืองนาโปลีมากเลย จริง ๆ แล้วมันคือเมืองเดียวกัน คือคนอิตาลีจะเรียกเมืองนี้ว่า เมืองนาโปลี แต่ถ้าเป็นในภาษาอังกฤษเขาก็จะเรียกว่า เมืองเนเปิลส์ นั่นเอง

ซึ่งพิซซ่าเป็นอาหารที่ตอบโจทย์ เพราะทำจากวัตถุดิบราคาไม่แพงอย่างกระเทียม มันหมู และเกลือเท่านั้น เรียกได้ว่า จะเดินไปมุมไหนของเมืองก็จะเจอร้านขายพิซซ่าตลอดทาง มีทั้งแบบนั่งในร้านและขายตามข้างทาง มีขายทั้งแบบกล่องใหญ่และตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามแต่เงินในกระเป๋าของลูกค้าจะเอื้ออำนวย . และด้วยความที่พิซซ่าทำมาจากวัตถุดิบราคาถูก และเป็นอาหารของผู้มีรายได้น้อย พิซซ่าจึงเป็นอาหารที่โดนดูถูกมาโดยตลอด บางคนดูถูกพิซซ่าว่าเป็น “ขนมปังที่ออกมาจากท่อระบายน้ำ” เลยทีเดียว ดังนั้นในช่วงแรกที่มีพิซซ่าเนี่ย คนทั่วไปเขาจะกินพิซซ่าในวันธรรมดาแล้วก็เก็บเงินไปกินมักกะโรนีในวันเสาร์อาทิตย์แทน น่าสงสารสุด ๆ

แล้วจุดพลิกผันสำคัญของพิซซ่าก็มาถึง ในปีค .ศ. 1889 เชฟรัฟฟาเอเล่ เอสโปซิโต้ (Raffaele Esposito) ต้องการทำอาหารท้องถิ่นให้กษัตริย์อุมแบร์โตที่ 1 (King Umberto I) แห่งอิตาลีและพระราชินีมาร์การิต้า (Queen Margherita) ได้ลิ้มลอง ก็แหมทั้งสองพระองค์ได้แต่เสวยอาหารจานหรูตลอด 3 วันที่มาเยือนเมืองเนเปิลจนทรงเบื่อเอามาก ๆ เลยขอชิมอาหารพื้นเมือง ที่ชาวเมืองกินกันบ้าง เชฟรัฟฟาเอเล่ก็ไม่รอช้า เลือกทำอาหารท้องถิ่นเป็นพิซซ่านั่นเอง

โดยทำออกมาถึง 3 หน้าด้วยกัน แต่ที่ถูกใจพระราชินีมาร์การิต้าที่สุดคือหน้ามะเขือเทศ ชีสมอสซาเรลล่า และใบโหระพา จากนั้นมาผู้คนจึงพากันเรียกพิซซ่าหน้านี้ว่า “พิซซ่ามาร์การิต้า” เพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชินีมาร์การิต้านั่นเอง ได้อินฟลูเอนเซอร์มารีวิวขนาดนี้ พิซซ่าจึงกลายเป็นเมนูฮอตฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองตั้งแต่นั้นมา

ในทุกวันนี้ ที่ร้าน Pizzeria Brandi ยังมีจดหมายที่หัวหน้าพ่อครัวในวังส่งมาส่งมาชมเชยและขอบคุณในนามของพระราชินีแขวนโชว์อยู่ พิซซ่า Margherita มีส่วนผสมอยู่ 3 อย่างดังที่กล่าวมาแล้ว ทำให้หน้าของพิซซ่านั้นประกอบด้วยสีแดง ขาว และเขียว ตรงกับธงชาติของประเทศอิตาลีพอดี

______________________

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://khunpusit.wixsite.com/.../%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0...
History Today, 2561. “A History of Pizza” [online].
Wongnai

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.