HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

ฝังหญิงตั้งครรภ์ เพื่อปกป้องเสา กำแพงเมือง

 
  7/03/2024  
 
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของการฝังคนในสมัยก่อนที่จะทำให้ทุกคนขนลุกและรู้สึกเห็นใจคนในสมัยก่อนไปพร้อม ๆ กัน
.
เรื่องการฝังคนที่จะเล่าในวันนี้อาจจะเป็นเรื่องที่คนส่วนมากยังไม่เคยรู้มาก่อนเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับ อิน จัน มั่น คง แต่เป็นเรื่องราวที่ถูกบันทึกเอาไว้โดย "วันวลิด" ชาวฮอลันดา ที่เดินทางมาพักในกรุงศรีอยุธยา ในสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
โดยเขาได้กล่าวไว้ในบันทึกของหนังสือที่มีชื่อว่า เรื่องราวอาณาจักรสยาม เขาบอกว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้สั่งให้สร้างกำแพงเมืองใหม่ทั้งหมดทั้งพระราชวังและส่วนสำคัญต่าง ๆ ในเมือง แต่ในการที่จะสร้างใหม่ใต้เสาจะต้องโยนหญิงมีครรภ์ลงไป 1 คน และในบันทึกบอกว่ายิ่งเป็นคนท้องแก่ใกล้คลอดยิ่งดี
.
สิ่งก่อสร้างในสมัยอยุธยามักจะตั้งอยู่เหนือพื้นดินขึ้นมามากและมักจะตั้งอยู่บนเสาไม้เลยจำเป็นที่จะต้องใช้หญิงมีครรภ์บ่อย ๆ เพราะว่าเขามีความเชื่อกันว่า ผู้หญิงที่ถูกฝังพอเสียชีวิตไปแล้วจะกลายเป็นผีร้ายที่ดุมาก แล้วก็จะทำหน้าที่ปกป้องเสา ยิ่งไปกว่านั้นก็อาจจะทำให้บ้านเมืองพ้นจากโรคร้ายต่าง ๆ อีกด้วย
.
พระเจ้าปราสาททองสั่งให้คนไปจับหญิงตั้งครรภ์โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงอะไรเลย คือต่อให้จะเป็นลูกของเจ้าพระยา ลูกคนชั้นสูงหรือเป็นลูกของใครก็ไม่ต้องสนให้ไปจับมาเลย สมมติว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ที่ตลาดแล้วคน ๆ นั้นเป็นหญิงตั้งครรภ์ก็ให้จับมาเลย แต่ว่าไม่ให้มีการไปลากออกมาจากบ้าน เว้นเสียแต่ว่าหาหญิงสาวที่ตั้งครรภ์ไม่ได้เลยก็อาจจะต้องไปนำตัวหญิงที่ตั้งครรภ์ออกมาจากบ้าน
.
พอได้ตัวของหญิงตั้งครรภ์มาแล้วก็จะนำตัวเข้าวังไปให้พระราชินีและดูแลอย่างดีประหนึ่งกับว่าเป็นเชื้อพระวงศ์สูง ๆ เลยทีเดียว ซึ่งในบันทึกไม่ได้มีขยายความว่าดูแลยังไงแต่ตัวผู้เขียนคิดว่าก็คงดูแลอาหารการกินและความเป็นอยู่ให้อยู่อย่างสุขสบาย
.
พออยู่ในราชวังไปได้สักสองสามวันก็จะพาตัวไปยังสถานที่ก่อสร้างและหลังจากนั้นก็จะโยนพวกเธอลงไปในหลุมไม่รู้ว่าโยนอย่างไรแต่ว่าหญิงสาวพวกนั้นต้องนอนหงายและหลังจากนั้นเสาก็จะตกลงมากระแทกตรงกลางท้องของพวกเธอที่มีลูกน้อยอยู่ในท้องทั้งเป็น
.
ในบันทึกบอกไว้ว่าจะต้องมีการใช้หญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด 68 คน ซึ่งในช่วงที่กำลังจะทำการสังเวยหญิงสาวเหล่านั้นอยู่ดี ๆ ก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นคือ มีหญิงที่ตั้งครรภ์ทั้งหมด 5 คน ดันคลอดลูกพร้อมกัน
.
ออกญาสุโขทัยจึงได้กราบบังคมทูลกับพระเจ้าปราสาททองว่า พระเจ้าคงไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ที่จะเอาหญิงมีครรภ์มาโยนลงไปในหลุม แต่ด้วยความที่คนสมัยก่อนมีความเชื่อว่ามันจะมีผีร้ายสิงสู่อยู่ในเสาของประตูเสาก็เลยแนะนำให้พระเจ้าปราสาททองว่า ลองใช้หญิงมีครรภ์กับประตูที่จำเป็นก็พอแล้ว ซึ่งพระเจ้าปราสาททองก็ตกลง
.
พระเจ้าปราสาททองเลยบอกว่าจะกักตัวหญิงมีครรภ์ไว้ 4 คน ส่วนคนอื่น ๆ ก็จะปล่อยไป แต่ว่าก่อนที่จะปล่อยไปหญิงเหล่านั้นจะต้องโกนหัวและจะต้องโดนฟันที่หน้าผากไว้สองรอยแล้วก็บอกกับหญิงเหล่านั้นว่าพระเจ้าปราสาททองทรงมีเมตตาไว้ชีวิต ซึ่งในบันทึกก็ไม่ได้อธิบายไว้เหมือนกันว่าทำไปเพราะอะไร
.
วันวลิตยังเล่าอีกว่า ไม่เพียงแต่ประตูวังเท่านั้น การสร้างที่ประทับในพระบรมมหาราชวังก็ได้ทำพิธีนี้เช่นเดียวกัน ดังบันทึกตอนหนึ่งว่า “ถ้าสร้างพระราชวัง หอสูง หรือที่ประทับใต้เสาแต่ละต้น ก็จะต้องต้องโยนหญิงมีครรภ์คนหนึ่งลงไป"
.
ซึ่งจริง ๆ ความเชื่อของเรื่องเสาบ้านเสาเมืองมักจะมีความเกี่ยวโยงกับความเชื่อใน "ศาสนาผี" ที่จะนับถือผีอย่างเช่น ผีบรรพบุรุษ หรือวิญญาณในธรรมชาติ คนท้องถิ่นจะมีความเชื่อว่าเสาหลักเมืองเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์และจะเป็นที่สถิตของผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจมีหลากหลายความเชื่อเช่น ผีตายาย ผีอารักษ์ เป็นต้น
ความเชื่อดังกล่าวเป็นการนำความเชื่อในศาสนาพราหมณ์และพุทธเข้าไปผสมผสาน มีการเชื่อมโยงเสาหลักเมืองกับวิญญาณของหญิงมีครรภ์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ความเชื่อและพิธีกรรมของเสาหลักเมืองมีความซับซ้อนมากขึ้นและห่างไกลออกไปจากความเป็นศาสนาพุทธที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น ในยุคอยุธยาเสาหลักเมืองถือเป็นสิ่งที่คนในยุคนั้นให้ความเคารพนับถือ
______________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-กรมศิลปากร
-ดร.สินชัย เชาว์เจริญรัตน์
-katecalissa

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.