HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

พุทธแท้ไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ แต่คือศาสนาแห่งการลงมือทำ

 
  21/04/2025  
 
ในแนวทางพุทธแท้จริง "การขอพร" หรือการเฝ้ารอการดลบันดาลจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอก ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ยึดถือ เพราะคำสอนในพระพุทธศาสนาเน้นย้ำชัดเจนว่า “อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ” — ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน การพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือรอให้สิ่งเหนือธรรมชาติบันดาลให้ชีวิตดีขึ้น จึงเป็นเพียงการคลายทุกข์ชั่วคราว ไม่ใช่การดับทุกข์ที่แท้จริงตามหลักอริยสัจ 4
.
พุทธศาสนามิได้สรรเสริญ “ปาฏิหาริย์” ในเชิงเป็นที่ยึดเหนี่ยว แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้นได้จริงจากพลังแห่งจิตที่มั่นคง สะอาด สว่าง และสงบ เช่น ผู้ที่มีศีล สมาธิ และปัญญาอย่างมั่นคงสามารถส่งกระแสจิตที่มีผลกระทบต่อสิ่งรอบตัวได้ แต่การเกิดปาฏิหาริย์ใดๆ ก็เป็นเพียงผลพลอยได้ มิใช่เป้าหมายหลักของการปฏิบัติธรรม เพราะเป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา คือ การพ้นทุกข์ ไม่ใช่การได้โชคลาภหรือสมหวังตามใจ
.
การไปไหว้พระหรือสักการะพระพุทธรูป จึงไม่ใช่ไป “ขอให้ได้” หรือ “ขอให้สมหวัง” แต่เป็นการ ตั้งจิต ตั้งสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เราเดินตามรอยพระองค์ — สร้างเหตุให้ดี พากเพียรทางกาย วาจา ใจ ฝึกจิตใจให้สงบ ละกิเลสทั้งหลาย
.
เมื่อเรากราบไหว้พระพุทธรูป สิ่งที่ควรอธิษฐานจึงมิใช่การขอสิ่งนอกตัว เช่น ขอให้ถูกหวย ขอให้รวย ขอให้คนรักกลับมา แต่ควรอธิษฐานให้ใจเรามั่นคง เข้มแข็ง ไม่หลงใหลไปกับความอยาก อธิษฐานให้มีสติในการดำเนินชีวิต ขอให้มีปัญญาในการแก้ไขปัญหา ขอให้มีกำลังใจในยามเหนื่อยล้า และขอให้มีเมตตาต่อตนเองและผู้อื่นให้มากขึ้น
.
แท้จริงแล้วการ “อธิษฐานจิต” เป็นพลังแห่งการตั้งมั่นใจอย่างแน่วแน่ และจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเราลงมือสร้างเหตุของสิ่งนั้น ๆ ด้วยตนเอง มิใช่เพียงแต่อ้อนวอนให้เกิดขึ้น การไหว้พระจึงเป็นดั่งการเตือนตนให้หันกลับมาดูใจตนเอง ว่าเรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความดีหรือไม่ และยังมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความเพียรหรือเปล่า
.
คำว่า “อธิษฐาน” ในที่นี้ มีความหมายลึกซึ้งกว่าการ "ขอ" เพราะแท้จริงแล้ว อธิษฐานคือการ “ตั้งจิตมั่น” เป็นการบอกกับตัวเองว่า เราจะมุ่งไปทางนี้ เราจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ เราจะยึดมั่นในคุณงามความดี ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคหรือความเหน็ดเหนื่อย เป็นการชี้เข็มทิศให้จิตใจ แล้วเดินตามเส้นทางนั้นด้วยสติและความรับผิดชอบ
.
ในพระไตรปิฎก มีหลายตอนที่แสดงให้เห็นว่า แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ก่อนจะตรัสรู้ ก็ทรงอธิษฐานจิตไว้อย่างมั่นคงว่าจะไม่ลุกจากที่นั้นจนกว่าจะบรรลุธรรม นี่คืออธิษฐานในความหมายของพุทธแท้ ไม่ใช่หวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเปิดประตูให้ แต่คือการเปิดประตูของตนเองด้วยพลังจิตที่แน่วแน่และการกระทำที่สอดคล้องกันในทุกมิติ
.
ดังนั้น เมื่อเรากล่าวว่า "ขอให้ข้าพเจ้าสอบผ่าน ขอให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จ ขอให้ครอบครัวมีความสุข" คำเหล่านี้จะไม่มีพลังเลย หากไม่มีการกลับไปลงมือทำ การอธิษฐานจึงเปรียบเสมือนการจุดไฟเล็ก ๆ ในใจ ให้มันสว่างไสวพอที่จะพาเราเดินฝ่าความมืดในชีวิต และถ้าเราคอยเติมเชื้อไฟนั้นด้วยความเพียร ไฟแห่งปณิธานก็จะไม่มอดดับ
.
เมื่อจิตใจมั่นคงในเป้าหมาย เมื่อจิตไม่ไขว้เขว ไม่ถูกความอยาก ความกลัว หรือความเกียจคร้านมาฉุดรั้ง เราก็จะสามารถสร้างความสำเร็จได้ด้วยมือของเราเอง และผลลัพธ์นั้นจึงไม่ใช่ "พรที่ได้รับ" แต่คือ "ผลของเหตุที่เราสร้าง" อย่างแท้จริง
.
การอธิษฐานจิตจึงเปรียบเสมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความตั้งใจลงในใจของเราเอง จากนั้นเราต้องรดน้ำทุกวันด้วยการกระทำที่สม่ำเสมอ ต้องกำจัดวัชพืชด้วยสติ และเฝ้ารอผลด้วยความเพียรอันไม่ประมาท เมื่อนั้น...สิ่งที่เราหวังไว้ จึงจะผลิบานออกมาอย่างมั่นคงและงดงาม
.

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.