HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

ซิโม ฮายฮา
สไนเปอร์มือหนึ่งของโลกฉายา‘การตายสีขาว’
ผู้คร่าชีวิตข้าศึกไปกว่า 700 ศพ

 
  8/12/2023  
 
หากนึกถึงคนที่ยิงสไนเปอร์ได้แม่นอย่างกับจับวาง ไม่จำเป็นต้องใช้สโคป เชื่อว่าคนที่คลั่งไคล้การยิงสไนเปอร์ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของ ‘ซิโม ฮายฮา’ (Simo Häyhä) พลซุ่มยิงของกองทัพฟินแลนด์อย่างแน่นอน เขาได้ถูกบันทึกไว้เป็นสไนเปอร์มือหนึ่งของโลกผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์
.
ซิโม ฮายฮา เกิดเมื่อ 17 ธ.ค.1905 ในเขตเทศบาลเลาซ์จาไว ปัจจุบันกลายเป็นชายแดนของรัสเซีย เขาได้เข้าเป็นทหารของกองทัพฟินแลนด์เมื่อปี ค.ศ.1925 ซึ่งก่อนหน้านี้เขามีอาชีพเป็นชาวนา ต่อมาเมื่อสงครามฤดูหนาวที่เกิดจากรัสเซียได้เข้ารุกรานฟินแลนด์ เมื่อ ค.ศ.1939-1940
.
แล้วชาวนาธรรมดาที่เข้าสู่สนามรบ สร้างชื่อเสียงมากมายได้อย่างไร?
.
ฮายฮาเริ่มเข้าสู่กองทัพในปี 1925 เนื่องจากก่อนหน้าที่เขาจะเข้าเป็นทหาร เขามีงานอดิเรกอย่างการเล่นสกีหิมะ ล่าสัตว์และยิงปืนมาตั้งแต่เด็ก ฝึกฝนความเฉียบคม และการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ทำให้ที่บ้านไร่ของเขานั้นเต็มไปด้วยรางวัลแม่นปืน ในเวลาต่อมาเขาจึงได้รับหน้าที่ ‘หน่วยซุ่มยิง’ ใน Winter War ช่วงปี 1939-1940
.
ในสนามรบเขาใส่ชุดสีขาวพรางตัวไปกับหิมะ ซ่อนตัวภายใต้อุณหภูมิที่หนาวถึง -20 ถึง -40องศาเซลเซียล ใช้สไนเปอร์สังหารทหารกองทัพแดงอย่างเงียบเชียบร่วม 505 ศพ ถ้ารวมกับศพที่ไม่ได้ถูกยืนยันด้วย เขาก็สังหารศัตรูไปกว่า 542 ศพด้วยตัวคนเดียว
.
ศึกในสนามรบคอลล่าครั้งนี้สร้างชื่อเสียงให้เขามากมายจนได้รับฉายาจากกองทัพโซเวียตว่า ‘White Death’ หรือความตายสีขาว บันทึกที่คอลล่าได้กล่าวไว้ว่า ฮายฮาใช้ปืนยาว M-28 ซึ่งเป็นปืนที่ลอกแบบมาจากปืนยาวแบบโมซินนากังค์ของรัสเซีย
.
ปืนนี้มีตั้งแต่ก่อนเป็นทหาร เขาชอบใช้ศูนย์เล็งเหล็กมาตรฐานเพื่อที่จะไม่ต้องยกศีรษะขึ้นสูง ด้วยตัวกล้องที่เล็กมันจะไม่ถูกแสงแดดสะท้อนเป็นการปกปิดตัวเองได้อย่างดี
.
นอกจากนี้เขายังใช้ปืนกลกึ่งอัตโนมัติ Soumi KP/-31 สังหารไปอีกมากกว่า 200 ศพ แปลว่าเขาได้สังหารข้าศึกไปไม่ต่ำกว่า 705 ศพ
.
ซิโม ฮายฮา จึงเป็นคนที่โซเวียตต้องการสังหารมากที่สุด และในวันที่ 6 มีนาคม 1940 เขาถูกยิงเข้าที่ขากรรไกร ฝังในแก้มข้างซ้าย อยู่ในอาการโคม่าขั้นที่หลับไปถึงหนึ่งสัปดาห์ ในตอนที่เขาตื่นก็ได้มีการลงนามสงบศึกแล้ว จากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับการเลื่อนยศก้าวกระโดดจากสิบโทเป็นร้อยตรี
.
หลังสงครามสงบลง เขาก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมและกลายเป็นพรานล่ากวางมูสชั้นเยี่ยม นอกจากนี้ยังเป็นคนเพาะพันธุ์สุนัขด็อก บรีดเดอร์อีกด้วย
.
ฮายฮา ใช้ชีวิตบั้นปลายที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อ 1 เม.ย. 2002 ด้วยวัย 97 ปี ซึ่งเป็นการจากไปอย่างสงบสำหรับชีวิตเพชรฆาตที่สังหารศัตรูมากที่สุด เขาก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน แต่มันคือ 'หน้าที่'
.
ฮายฮากล่าวว่า เขาไม่ได้เกิดมามีพรสวรรค์ เขาฝึกฝนมาเยอะมาก และมีมุมมองต่อสงครามว่า “War is not a pleasant experience but who else would protect this land unless we are willing to do it ourselves.” — สงครามไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ายินดี แต่จะมีใครปกป้องดินแดนแห่งนี้เว้นแต่เราเต็มใจที่จะทำด้วยตัวเอง
_____________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
The memolife
Military History

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.