HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

ผู้ริเริ่มการใช้นามสกุล ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

 
  19/08/2024  
 
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่6) เป็นผู้ริเริ่มการใช้นามสกุลในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อให้เป็นการแยกแยะบุคคลและครอบครัวต่าง ๆในสังคม ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการมีนามสกุลสำหรับประชาชนทั่วไปในการจัดระเบียบสังคม
.
จึงได้ตราพระราชบัญญัตินามสกุล พ.ศ. 2456 ขึ้น โดยกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องมีนามสกุลและสามารถเลือกนามสกุลได้เอง แต่ต้องไม่ซ้ำกับนามสกุลของคนอื่น และยังต้องไม่ใช้นามสกุลที่ส่อไปในทางไม่ดี
.
นามสกุลไทยในยุคแรกเริ่มจึงมักมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับต้นตระกูล อาชีพ หรือถิ่นที่อยู่อาศัย เช่น "กุล" หมายถึงตระกูล "ภักดี" หมายถึงความซื่อสัตย์ หรือ "กิตติ์" หมายถึงเกียรติยศ
.
นามสกุลพระราชทานในประเทศไทย ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศและความเคารพ ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์แก่ครอบครัวหรือบุคคลที่มีความดีความชอบหรือเป็นที่เคารพในสังคม นามสกุลเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับตระกูลเก่าแก่ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์และการพัฒนาประเทศไทย
.
ตัวอย่างของตระกูลเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานนามสกุลในรัชกาลที่6 ได้แก่:
.
1. ตระกูล "โรจนกุล" ตระกูลของเจ้าพระยาพิษณุโลก สืบเชื้อสายมาจากบิดาซึ่งเป็นพราหมณ์ชื่อ พราหมณ์ศิริวัฒนะ ราชปุโรหิตในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา
.
2. ตระกูล "บุนนาค"
ต้นตระกูลบุนนาค คือ เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ชาวเปอร์เซียที่เดินทางเข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยาปลายรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
.
3. ตระกูล "ศรีสวัสดิ์"
นามสกุลพระราชทาน: ศรีสวัสดิ์
ตระกูลศรีสวัสดิ์ได้รับพระราชทานนามสกุลจากรัชกาลที่ 5 โดยสมาชิกในตระกูลมีบทบาทสำคัญในราชการทหารและการปกครองในยุคนั้น
.
4. ตระกูล "อมาตยกุล"
ตระกูลอมาตยกุลเป็นหนึ่งในตระกูลที่ได้รับพระราชทานนามสกุลในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยมีบทบาทในการรับราชการในตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในสมัยนั้น
.
5. ตระกูล "โชติกเสถียร"
ตระกูลนี้มีชื่อเสียงในด้านการปกครองและกฎหมาย โดยสมาชิกในตระกูลได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลและศาลยุติธรรม
.
6 ตระกูล "สุขุม"
นามสกุลแรกของประเทศไทย คือ “สุขุม” ซึ่งรัชกาลที่ ๖ พระราชทานให้ เจ้าพระยายมราช หรือ ปั้น สุขุม เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๖ จึงนับว่านามสกุล “สุขุม” จึงเป็นนามสกุลหมายเลข ๑ ของประเทศไทย
.
นามสกุลพระราชทานในรัชกาลที่7
- บริพัตร ณ อยุธยา
- จักรพงษ์ ณ อยุธยา
- มหิดล ณ อยุธยา
- ยุคล ณ อยุธยา
- กิติยากร ณ อยุธยา
.
นามสกุลพระราชทานในรัชกาลที่8
- สมันตรัฐ
- เครือขรรค์ชัย ณ เวียงจันทน์
- จุฬารัตน
.
นามสกุลพระราชทานในรัชกาลที่9
- ณ ราชสีมา
- ธรรมธำรง
-สิริวัฒนภักดี
- พิทยะ
- นรินทรภักดี
- พิจิตรากร
.
นามสกุลพระราชทานในรัชกาลที่10
- เกรียงไกร
- วชิราลงกรณ์
- วัฒนรักษ์
- ปัญจารักษ์
.
นามสกุลพระราชทานเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความเก่าแก่และเกียรติยศของตระกูลเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการยอมรับและความภาคภูมิใจ ใช้ในครอบครัวที่ได้รับการยกย่องหรือทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ในตระกูลนั้น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์และสังคมไทย
.
นามสกุลปัจจุบัน
ปัจจุบันนามสกุลมักมีความยาวและซับซ้อนมากขึ้น เช่น "พรประเสริฐวัฒนา" หรือ "ศรีสุนทรไพบูลย์" ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามในการสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใครและมีความหมายลึกซึ้ง
.
การสะท้อนอัตลักษณ์และสถานะทางสังคม: นามสกุลยาว ๆ ในปัจจุบันอาจถูกใช้เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์หรือสถานะทางสังคม โดยนามสกุลที่ยาวและมีความหมายอาจถูกมองว่าเป็นการแสดงถึงฐานะหรือการสืบทอดมรดกทางครอบครัวที่สำคัญ
.
ความสำคัญของการแยกแยะบุคคล: ในสังคมที่มีประชากรมากขึ้น การใช้นามสกุลยาว ๆ และซับซ้อนช่วยให้สามารถแยกแยะบุคคลได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีนามสกุลซ้ำกันจำนวนมาก
.
ขอขอบคุณที่มา : https://www.sanook.com/men/15709/
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : คลังประวัติศาสตร์ไทย
 
                 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.