วิกผมของเหล่าชายยุโรปนี้เรียกว่า Powdered Wig (เพราะก่อนที่วิกผมจะถูกสวมใส่จะต้องโรยด้วยแป้งและพรมน้ำหอมก่อน) โดยที่มาของวิกผมนี้ ทฤษฎีแรกมาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ ประเทศฝรั่งเศส กษัตริย์ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปในยุคนั้น โดยพระองค์ทรงประสบปัญหาผมร่วง และศีรษะล้าน ดังนั้นพระองค์จึงต้องสวมใส่วิกผมเพื่อรักษาภาพลักษณ์การเป็นกษัตริย์ให้ดูดีตลอดเวลา
.
และด้วยความที่พระเจ้าหลุยส์ทรงมีอิทธิพลอย่างมาก และถูกมองว่าเป็นแฟชั่นไอคอนของยุโรปในยุคนั้น บรรดาสุภาพบุรุษในยุโรปก็เลยอยากสวมใส่วิกผมตาม จนกลายเป็นกระแสแฟชั่นที่ยาวนานใช่ช่วงศตวรรษที่ 17-18
.
วิกผมในช่วงแรกจะถูกทำมาจากผมจริง หรือขนสัตว์ที่มีราคาสูง การใส่วิกจึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวยและความสำเร็จทางสังคมของเหล่าชนชั้นสูง การใส่วิกแสดงถึงผู้ที่มีสถานะสูงและมีอำนาจ จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มชนชั้นสูง และบุคคลที่มีอิทธิพลทางการเมือง
.
ในอีกมุมนึงก็มีอีกทฤษฎีบอกว่า ที่มาของการสวมใส่วิกผมมาจากโรคระบาดของ “โรคซิฟิลิส” ที่เคยแพร่ระบาดอย่างหนักจนทำให้เหล่าชายยุโรปเกิดอาการ "ผมร่วงอย่างรุนแรง" จึงต้องใส่วิกผมเพื่อปกปิดจุดด้อยของตนเอง
.
กระแสแฟชั่นวิกผมได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 17-18 แต่ไม่ได้นิยมแค่ในสภาพบุรุษเท่านั้น แฟชั่นวิกนี้ยังแพร่หลายสู่บรรดาสาวๆ ในยุคนั้นอีกด้วย จนในที่สุดวิกผมก็หมดความนิยมในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 จากผลพวงของการปฏิวัติฝรั่งเศส รวมถึงการออกกฎหมายเก็บภาษีผงแป้งในอังกฤษ
.
โดยในปัจจุบันเรายังคงเห็นได้ว่ามีอีกหนึ่งอาชีพที่ยังต้องสวมใส่วิกสีขาวแบบนี้อยู่ คือ “อาชีพผู้พิพากษา” ของประเทศอังกฤษ เนื่องจากวิกสีขาวถูกใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นธรรมเที่ยงตรง และคอยย้ำเตือนผู้ที่สวมใส่ว่าต้องไม่ลำเอียงโดยเด็ดขาด!