ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่า ถ้านางสนมในสมัยอยุธยามีชู้ จะถูกลงโทษยังไง?
.
ย้อนกลับไปในยุคพระนารายณ์ พระเจ้าปราสาททองมีลูกคือพระนารายณ์ และเจ้าฟ้าน้อยซึ่งก็คือน้องของพระนารายณ์ ในบันทึกบอกว่าเจ้าฟ้าน้อยเป็นชายหนุ่มที่รูปงามมาก และนอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีอีกด้วย ทำให้มีหญิงสาวมากมายชื่นชอบในตัวเจ้าฟ้าน้อย
.
พระนารายณ์มีลูกสาวคนนึงชื่อ กรมหลวงโยธาเทพ เจ้าฟ้าน้อยกับลูกสาวของพระนารายณ์ถูกวางไว้ให้เป็นคู่ครองกัน หมั้นหมายกัน แต่แล้วความวุ่นวายก็ได้เกิดขึ้น เนื่องจากมีผู้หญิงคนนึงชื่อว่า 'ท้าวศรีจุฬาลักษณ์' หรือชื่อเล่นว่า 'แจ่ม' ซึ่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์มีตำแหน่งเป็นถึงพระสนมเอกของพระนารายณ์ และที่สำคัญพี่ชายของเธอก็คือพระเพทราชานั่นเอง โดยเธอได้เข้าถวายตัวให้กับพระนารายณ์
.
ซึ่งในบันทึกว่ากันว่าท้าวศรีจุฬาลักษณ์เป็นผู้หญิงที่สวยมาก เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน และเป็นพระสนมที่พระนารายณ์โปรดปรานมาก แต่ในบันทึกก็บอกว่าท้าวศรีจุฬาลักษณ์เป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ มีเล่ห์กล เป็นที่รู้กันว่านางเป็นผู้มากด้วยกามคุณ สร้างเรื่องอื้อฉาวให้ประชาชนนำไปพูดต่อเสมอ ซึ่งจริง ๆ แล้วคนในยุคนั้นจะไม่ค่อยว่าใคร หรือมีเรื่องกับใคร แต่กับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ประชาชนถึงกับแต่งเพลงไว้ร้องด่านางกันเต็มไปหมด
.
พฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของนางคือความมักมากในกามทั้งที่ตนมีสามีแล้ว แต่มักจะหาข้ออ้างเพื่อออกไปหาใช้เวลากับพวกชายชาวต่างชาติที่หมู่บ้านโปรตุเกส ก็คือชอบแอบไปร่วมรักกับพวกฝรั่งนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้มันอื้อฉาวมากพอพระนารายณ์ถามนางก็อ้างว่าถูกใส่ร้าย อย่างไม่เป็นธรรม หลังจากนั้นพระนารายณ์เลยสั่งให้นางอยู่แต่ในวังเพราะถ้าออกไปนอกวังคนก็จะเอาไปพูดต่อกันได้
.
ซึ่งพออยู่ในวังนางก็เบื่อ และคนที่ฮอตที่สุดในช่วงนั้นก็คือเจ้าฟ้าน้อย โดยในบันทึกบอกไว้ว่านางหาลู่ทางไปยั่วยวนให้เจ้าฟ้าน้อยเกิดความชอบพอในตัวเธอ จนเกิดเป็นความสัมพันธ์สวาทที่แอบกินกัน แต่วันนึงท้าวศรีจุฬาลักษณ์เกิดคึกอะไรก็ไม่รู้ ผ่านไปเห็นฉลองพระองค์ตัวนอกของเจ้าฟ้าน้อยถูกถอดวางไว้ก่อนเข้าเฝ้าไปไว้ในตำหนัก ด้วยคิดว่าเจ้าฟ้าน้อยจะตามไปที่ตำหนักของนาง แต่เจ้าฟ้าน้อยกลับไม่เฉลียวใจ พอกลับมาแล้วไม่เจอของของตน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาไป เรื่องนี้จึงไปถึงหูพระนารายณ์
.
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงรับสั่งให้ค้นให้ทั่ว โดยค้นจากตำหนักของพระสนมเอกก่อน และพบฉลองพระองค์ของเจ้าฟ้าน้อยที่ตำหนักของท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งทำให้พระนารายณ์โกรธเป็นอย่างมาก จึงได้ตั้งคณะที่ปรึกษาแผ่นดินเป็นผู้วินิจฉัยความผิดของคนทั้งสอง
.
โดยขณะนั้นพระเพทราชาซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญของแผ่นดินจากการสนับสนุนของท้าวศรีจุฬาลักษณ์ผู้เป็นน้องสาว ก็ไม่ได้คัดค้านการพิพากษา แต่ยังเป็นผู้เสนอให้พิจารณาลงโทษประหาร คณะที่ปรึกษาจึงพิจารณาลงโทษด้วยการนำพระสนมเอกโยนให้เสือกิน
.
ส่วนเจ้าฟ้าน้อยถูกตัดสินให้สำเร็จโทษด้วยการใช้ไม้จันทน์สองท่อนบีบอัดให้ขาดใจ โดยไม่ให้เลือดตกสัมผัสพื้นแผ่นดิน แต่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้พระราชทานผ่อนโทษให้ เนื่องจากกรมหลวงโยธาเทพผู้เป็นน้องสาวทูลขอให้ไว้ชีวิต
.
สุดท้ายพระนารายณ์ก็ทำโทษด้วยการส่งโบยหวาย โดยให้พระเพทราชากับพระปีย์เป็นผู้สำเร็จโทษจนเจ้าฟ้าสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าร่างกายบวมผิดปกติ มีอาการอ่อนแรงที่ขาและเป็นใบ้ แต่มีคนบอกว่า พระองค์แกล้งเป็นใบ้เพื่อไม่ให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชสงสัย
.
จริง ๆ แล้วหากเจ้าฟ้าน้อยไม่ได้แอบลักลอบคบชู้กับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ก็คงจะได้แต่งกับกรมหลวงโยธาเทพซึ่งเป็นลูกสาวของพระนารายณ์ และได้ขึ้นครองราชย์แล้ว
