HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

ในสมัยอยุธยามีการ ซื้อ-กิน กันอย่างเอิกเกริก และถูกกฎหมาย แต่จะไม่มีการใช้คำว่า 'ซ่อง' แต่จะเรียกว่า 'โรงรับชำเราบุรุษ' แทน

 
  25/10/2024  
 
อาชีพโสเภณีเริ่มปรากฏในหลักฐานตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง โดยระบุใน “พระไอยการลักษณะผัวเมีย” ซึ่งตราขึ้นในปี พ.ศ. 1904 ที่กล่าวถึง "หญิงนครโสเภณี" บ่งบอกว่ามีการค้าประเวณีก่อนหน้านั้น คำว่า “นครโสเภณี” เป็นที่มาของคำว่า "หญิงงามเมือง" โดยรากศัพท์ของ "โสเภณี" หมายถึง "หญิงงาม" และ "นคร" หมายถึง "เมือง"
.
ในโรงรับชำเราบุรุษนั้นหญิงสาวจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หญิงที่ขายตัว และหญิงที่ขายศิลปะ เช่น การแสดงเต้นรำหรือร้องเพลง ซึ่งในปัจจุบันอาจเปรียบได้กับ "เด็กเอ็น"
.
ในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา การค้ากับต่างชาติเฟื่องฟู โดยเฉพาะในรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม พระเจ้าปราสาททอง และพระนารายณ์ ทำให้ธุรกิจบันเทิงขยายตัวอย่างรวดเร็ว
.
ที่ตลาดบ้านจีน ปากคลองขุนละครไชย มีโรงรับชำเราบุรุษถึงสี่แห่ง ตั้งอยู่ใกล้ป้อมเพชรซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
.
ลา ลูแบร์ ได้บันทึกถึงการซื้อกินในอยุธยา ไว้ว่าหากลูกสาวของขุนนางทำผิด ขุนนางสามารถขายลูกสาวให้กลายเป็นโสเภณีได้ ซึ่งผู้ชายที่รับซื้อจะต้องจ่ายภาษีให้พระมหากษัตริย์ และโสเภณีส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของขุนนางชั้นสูง
.
แม้การค้าประเวณีจะถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผู้หญิงเหล่านี้ยังคงถูกดูแคลนในสังคม ถึงแม้จะเคยเป็น “ลูก” หรือ “เมีย” ของขุนนาง แต่กลับถูกขายเนื่องจากข้อหาทำความผิด
.
กฎหมายในสมัยนั้นระบุว่าหญิงโสเภณีไม่สามารถใช้เป็นพยาน ซึ่งบ่งบอกถึงการเลือกปฏิบัติ และมีการบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกรุงศรีอยุธยา
.
ในสมัยอยุธยาผู้ชายมีอำนาจสิทธิ์ขาดเหนือผู้หญิงที่เป็นภรรยาและลูกสาว และผู้หญิงทั่วไปก็มีราคาค่าตัวเป็นปกติ เพราะเป็นยุคที่มีการค้าทาสอยู่ด้วย ดังนั้นโสเภณีตามซ่องต่าง ๆ ของอยุธยาก็มาจากผู้หญิงที่ถูกพ่อและสามีของเธอขายให้แก่ซ่องนางโลม ไม่เว้นแม้แต่บุตรสาวและภรรยาของขุนนาง
.
เพราะว่าในธรรมเนียมของยุคสมัยนั้นแล้วสามีเป็นผู้ทรงอำนาจเด็ดขาดในครอบครัว ถึงขนาดอาจขายบุตรและภรรยาทั้งหลายเสียได้ ยกเว้นภรรยาหลวงแต่ผู้เดียวเท่านั้นที่เขาจะทำได้เพียงขับไล่ไปเสียให้พ้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นการขายให้ซ่องโสเภณียังถูกใช้เป็นมาตรการคุมความประพฤติของผู้หญิงให้ปฏิบัติตนเป็นแม่เมีย และลูกสาวที่ดีอีกด้วย
.
เจ้าของโรงรับชำเราบุรุษเป็นชาวจีน มีตำแหน่งราชการระดับออกญาชื่อ 'ออกญามีน' ได้รับยศออกญาเนื่องจากเป็นผู้ส่งส่วย สร้างรายได้เข้าคลังหลวงปีนึงเป็นเงินจำนวนมาก และมีซ่องตั้งอยู่ที่ตลาดบ้านจีน มีโสเภณีในความดูแลมากกว่า 600 คน แม้เจ้าของจะมีตำแหน่งในราชการระดับสูง แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับในสังคมเท่าขุนนางชั้นสูงอื่น ๆ
.
อาชีพจำพวกนี้อยู่ในสยามอย่างถูกกฎหมายมาจนถึง สมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้ออก ‘พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503’ โดยถือว่าโสเภณีเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
______________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-เครดิตข้อมูลโดย กำพล จำปาพันธ์ และโมโมทาโร่ หนังสือเรื่อง Downtown Ayutthaya ต่างชาติต่างภาษา และโลกาภิวัตน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์
-เครดิตข้อมูลโดย สถาพร บุญนาจเสวี
-เครดิตข้อมูลโดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.