จากประชุมประกาศรัชกาลที่ 4 ภาคที่ 6 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 มีพระบรมราชโองการให้ประกาศหากมีผู้ปราศัยทักทายเจ้านายผู้มีบรรดาศักดิ์สูง ด้วยการทักว่า “อ้วน ผอม” ถือเป็นความอัปมงคล คำหยาบ คำต่ำ คำเลว เปรียบเสมือนการใช้คำว่า “ดี ชั่ว” กับสัตว์เดรัจฉาน ไม่ควรนำมาใช้กับมนุษย์ที่มีศักดิ์สูง
.
โดยการใช้คำวาอ้วนในสัตว์เพื่อสรรเสริญว่าเป็นดี คือหมายถึงสัตว์จำพวกใช้เพื่อเป็นยานภาหนะ ใช้แรงงาน เช่น ช้าง ม้า โค กระบือ อูฐ ลา และสัตว์ที่ต้องใช้เนื้อเป็นอาหาร เช่น หมู แพะ แกะ สมัน กวาง ทราย เป็ด ไก่ ปลา คนส่วนใหญ่คนมักจะเลือกสัตว์ตัวที่อ้วนเพราะมีเนื้อมาก และสัตว์ที่อ้วนมักจะมีราคาสูง สัตว์ที่ผอมคือถูกมองว่าเป็นสัตว์มีโรค เปรียบเปรยว่าเป็นสิ่งที่แย่คนก็มักที่จะไม่เลือก
.
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ยังกล่าวว่า ผู้คนทั้งปวงก็ต่างรักชีวิตตนเอง ทุกคนรู้กันดีว่าร่างกายของตนเองเป็นอย่างไร จะสบายไม่สบายตัวเขารู้ตัวก่อนคนอื่นเพราะเขาส่องกระจกทุกวัน รู้ตัวดีว่าตนเองเป็นอย่างไร ไม่ได้ต้องการให้ใครก้าวล่วง
.
ซึ่งการทักว่า อ้วน ผอม จึงถูกมองว่าเป็นการทักทายที่ไร้มารยาท และจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้ตั้งแต่ตอนนั้น พวกข้าหลวงต้องคอยเตือนห้ามปรามฝ่ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพระสงฆ์ไม่ให้เผลอก้าวล่วง และทักเจ้านายด้วยคำนี้ โดยเฉพาะหมอถวายงานที่มักจะกราบทูลทักว่าอ้วน หรือผอมกับเจ้านายเสมอ
.
นอกจากนี้ยังมีโทษระบุไว้ชัดเจนถ้าหากใครทักว่าอ้วน หรือผอมจะต้องโดนลงโทษด้วยการโดนหวายโบย 50 ที ไม่ใช่แค่คนที่ทักแต่สังฆการี (เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับสงฆ์) ข้าหลวง และเจ้าหน้าที่ดูแลกรมวังผู้ที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุนั้นก็ต้องรับโทษอาญาด้วยคนละ 30 และ 20 ทีตามเหตุสมควร
.
ขอขอบคุณที่มา
