HOME
 
 
CONTACT
  TREND  
 

หญิงผู้เรียกร้องสิทธิสตรี "อำแดงเหมือน"

 
  19/06/2023  
 

เรื่องราวของอำแดงเหมือน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.2408) แสดงให้เห็นการมีสิทธิสตรีเป็นครั้งแรกๆ โดยเฉพาะสิทธิของสตรีที่ถูกกดขี่เป็นเสมือนทาสในเรือนเบี้ยของผู้ชายมาตลอด แต่ในสังคมที่ยึดถือระบบศักดินาและระบบทาสกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ก็ยังไม่อาจล้างระบบชนชั้นออกไปได้หมด

คดีที่ อำแดงเหมือน เข้าถวายฎีการ้องทุกข์ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในขณะเสด็จออกรับการร้องทุกข์ของราษฎรที่พระที่นั่งสุทไธสวรรค์ เมื่อวันอาทิตย์ เดือนอ้าย แรม ๗ ค่ำ ปีฉลู (พ.ศ.๒๔๐๘) ซึ่งเคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว โดย เชิด ทรงศรี ในชื่อ “อำแดงเหมือนกับนายริด” โดยถ่ายทอดเนื้อความว่า

อำแดงเหมือนเป็นบุตรนายเกดกับอำแดงนุ่ม มีอายุได้ 21 ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บางม่วง แขวงเมืองนนทบุรี ได้ตกหลุมรักกับนายริด ซึ่งในขณะนั้นนายริดได้บวชอยู่แลเกรงว่าจะทำให้ศาสนาเสื่อมจึงตัดสินใจสึกมาทำงานกับครอบครัว ทั้งสองแอบรักใคร่กันโดยที่บิดามารดาของอำแดงเหมือนไม่รู้ ต่อมานายภูส่งเถ้าแก่มาสู่ขออำแดงเหมือนจากบิดามารดาของอำแดงเหมือน บิดามารดาก็ยินยอมยกอำแดงเหมือนให้เป็นภรรยานายภู เมื่ออำแดงเหมือนรู้ความว่าบิดามารดาจะยกตนให้เป็นภรรยานายภูก็ไม่ยอม จนบิดามารดาโกรธด่าว่าทุบตีตน

ต่อมาบิดามารดาของอำแดงเหมือนให้นายภูมาฉุดเอาตัวอำแดงเหมือนไปยังบ้านเรือนนายภู และนายภูให้อำแดงเหมือนเข้าไปในห้องเรือน อำแดงเหมือนก็ไม่ยอมเข้าไป คงนั่งอยู่ที่ชานเรือนจนรุ่งเช้า มีชาวบ้านรู้เห็นเป็นจำนวนมาก แล้วอำแดงเหมือนก็กลับมายังบ้านเรือนบิดามารดาของตน

บิดามารดาของอำแดงเหมือนก็ด่าว่าทุบตีอำแดงเหมือนอีก #แล้วให้นายภูมาฉุดเอาตัวอำแดงเหมือนไปที่บ้านเรือนนายภู แต่อำแดงเหมือนไม่ยอมขึ้นเรือนนายภู หากกลับมายังบ้านเรือนบิดามารดาของตน บิดามารดาของอำแดงเหมือนโกรธด่าว่าทุบตีอำแดงเหมือนอีก แล้วว่า#ถ้าอำแดงเหมือนไม่ยอมเป็นภรรยานายภูจะเอาปืนยิงอำแดงเหมือนให้ตาย

อำแดงเหมือนกลัวจึงหนีไปหานายริดได้ 2-3 วัน บิดามารดาของอำแดงเหมือนให้คนมาบอกนายริดว่า ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาตน นายริดก็ให้เถ้าแก่ 2 คนเอาดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาบิดามารดาของอำแดงเหมือน บิดามารดาของอำแดงเหมือนจึงพาเถ้าแก่พร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียนไปที่บ้านกำนัน ซึ่งนายภูได้ไปคอยอยู่ก่อนแล้ว นายภูจึงขออายัดตัวเถ้าแก่ไว้แก่กำนัน

ต่อมามีหมายจากปลัดเมืองนนทบุรีไปจับกุมอำแดงเหมือน นายริด และบิดามารดาของนายริด มายังศาลากลางเมืองนนทบุรี เพื่อสู้ความกับนายภูที่ฟ้องร้องให้เปรียบเทียบตัดสินว่าอำแดงเหมือนเป็นภรรยาของตน พระนนทบุรีเจ้าเมืองนนทบุรีและกรมการเมืองนนทบุรีได้เปรียบเทียบตัดสินว่า ถ้านายภูสาบานได้ว่าอำแดงเหมือนได้ยอมเป็นภรรยานายภู ก็ให้นายริดแพ้ความนายภู แต่นายภูไม่ยอมสาบาน ครั้นจะเปรียบเทียบตัดสินว่า ถ้าอำแดงเหมือนสาบานได้ว่าไม่ได้ยอมเป็นภรรยานายภู ก็ให้นายภูยอมเลิกเป็นความแก่กัน นายภูไม่ยอมให้อำแดงเหมือนสาบาน จึงไม่อาจเปรียบเทียบตัดสินได้

ภายหลังนายภูกลับมาฟ้องร้องกล่าวโทษนายริด บิดามารดาของนายริด และเถ้าแก่ฝ่ายนายริด 2 คนต่อ กรมการเมืองนนทบุรีอีกว่า คนเหล่านี้ได้ลักพาอำแดงเหมือนภรรยาตนไป ขอให้ส่งตัวอำแดงเหมือนคืนแก่ตน พระนนทบุรีเจ้าเมืองนนทบุรีและกรมการเมืองนนทบุรีจึงไปจับตัวนายริด บิดามารดาของนายริด และเถ้าแก่ฝ่ายนายริด 2 คนมาไว้ แล้วบังคับให้นายริดส่งตัวอำแดงเหมือนให้แก่ตระลาการ ส่วนนายริด บิดามารดาของนายริด และเถ้าแก่ฝ่ายนายริด 2 คน ก็เข้าสู้ความกับนายภู

อำแดงเหมือนได้ให้การต่อตระลาการว่าตนหาได้เป็นภรรยานายภูไม่ ตระลาการให้นายเปี่ยมพธำมรงคุมตัวอำแดงเหมือนไปกักขังไว้ในตะราง ระหว่างนั้นมารดาของอำแดงเหมือนมาขู่เข็ญให้อำแดงเหมือนยอมเป็นภรรยานายภู อำแดงเหมือนก็ไม่ยอม อำแดงเหมือนได้เตือนให้ตระลาการชำระความต่อไป ตระลาการก็ไม่ชำระความให้ และนายเปี่ยมพธำมรงก็คุมตัวอำแดงเหมือนไว้โดยแกล้งใช้ให้ทำการงานต่าง ๆ จนอำแดงเหมือนเหลือทนเพราะได้รับความทุกข์ร้อนมาก ในที่สุดอำแดงเหมือนจึงได้หนีมาทำฎีกาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าตนไม่ยอมเป็นภรรยานายภู ตนสมัครใจเป็นภรรยานายริดต่อไป ขอพระบารมีปกเกล้าฯ เป็นที่พึ่งของตน

เมื่อรับฎีกานี้แล้ว จึงทรงพระราชหัตถเลขาสลักหลังฎีกาให้สอบสวนเรื่องที่กล่าวมา ถ้าไม่ผิดไปจากความจริงนักก็ให้จมื่นราชามาตย์ กับนายรอดมอญ มหาดเล็ก ขึ้นไปจัดการชำระคดีนี้ ให้หญิงผู้ร้องฎีกาตกเป็นภรรยาชายชู้เดิมตามสมัคร เพราะหญิงนั้นอายุก็มากถึง ๒๐ ปีเศษแล้ว ควรเลือกหาผัวตามชอบใจได้ แต่ให้ชายชู้เดิมเสียเบี้ยละเมิดให้บิดามารดาหญิงชั่งหนึ่ง ใช้ชายผู้ที่ได้หญิงนั้นด้วยบิดามารดายอมยกให้สิบตำลึง รวมเป็นสามสิบตำลึง ค่าฤชาธรรมเนียมให้ชายชู้เดิมเสียแทนบิดามารดาหญิงแลชายที่ว่าเป็นเจ้าของหญิงนั้นด้วย ให้ความเรื่องนี้เลิกแล้วต่อกันไป

นอกจากนี้ยังทรงพระราชทานพระราชวินิจฉัยไปด้วยว่า หากจะมีข้อที่จะต้องวินิจฉัยนอกเหนือจากเรื่องที่ได้กล่าวในฎีกานี้แล้ว ให้ยึดหลักว่า “บิดามารดาไม่ได้เป็นเจ้าของบุตรชายหญิง ดังหนึ่งคนเป็นเจ้าของโคกระบือช้างม้า จะตั้งราคาขายตามชอบใจได้หรือ ดังนายเงินเป็นเจ้าของทาสที่มีค่าตัวจนจะขายทาสตามค่าตัวเดิมนั้นได้ เมื่อบิดามารดาจนจะขายบุตรต่อบุตรยอมให้ขายจึงขายได้ ถ้าไม่ยอมให้ขายก็ขายไม่ได้ หรือยอมให้ขาย ถ้าบุตรยอมรับหนี้ค่าตัวเพียงเท่าไร ก็ขายได้แต่เพียงเท่านั้น”

การต่อสู้ของนางเหมือนครั้งนี้ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมาย โดยให้สิทธิสตรีในการเลือกคู่ครอง รวมทั้งแก้ไขกฎหมายผัวขายเมีย บิดามารดาขายบุตร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๑ โดยระบุว่า “ผัวจะขายเมียไม่ได้ ถ้าเมียไม่ยินยอม”

ที่มา: https://citly.me/ZoTrN

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.