HOME
 
 
CONTACT
  TODAY TOPIC  
 

ในทางวิทยาศาสตร์กล่าวได้ว่าห้วงของเวลาและจักรวาลนั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน

 
  08/07/2024  
 
ย้อนหลังไปราวศตวรรษที่ 19 หลังจากที่ไอน์สไตน์ประกาศทฤษฎีสัมพัทธภาพ หนึ่งในเนื้อหานั้นได้ทำนายว่า แรงดึงดูดโน้มถ่วง และความเร่ง จะมีผลทำให้เวลาเดินช้าลง ตัวอย่างแรกเช่น นาฬิกาที่อยู่ใกล้กับระดับน้ำทะเลเฉลี่ย จะเดินช้ากว่านาฬิกาที่อยู่ในจุดที่สูงขึ้นไป เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับความถี่ของแสง (จำนวนของคลื่นแสงต่อวินาที) โดยที่ “ยิ่งแสงมีพลังงานสูง ก็ยิ่งมีความถี่มาก”
.
แต่ถ้าหากแสงเดินทางขึ้นสู่เบื้องบนในสนามแรงโน้มถ่วงของโลก แสงก็จะสูญเสียพลังงาน ความถี่ของแสงก็จะลดลง (ระยะเวลาระหว่างยอดคลื่นเพิ่มขึ้น) ทั้งนี้ แสงจะเดินทางด้วยความเร็วคงที่เสมอ ดังนั้น คนที่อยู่จุดที่สูง ๆ จึงรู้สึกว่าเวลาด้านล่างผ่านไปช้ากว่าปกติ
.
ในทางวิทยาศาสตร์กล่าวได้ว่าห้วงของเวลาและจักรวาลนั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน ไม่สามารถตัดแยกออกจากกันได้ ทุกวัตถุนั้นมีเวลาเป็นของตัวเอง และปัจจัยที่มีผลต่อการยืดหดของเวลาคือความเร็วในการเคลื่อนที่และสนามแรงโน้มถ่วง แต่จะมีสิ่งใดที่มีความเร็วมากกว่าแสง เราก็รู้กันดีว่าไม่มี ไอน์สไตน์ได้สรุปว่าความเร็วของแสงนั้นคงที่อยู่เสมอในจักรวาล ยิ่งเข้าใกล้ความเร็วแสงมากเท่าไหร่ เวลาของวัตถุนั้นก็จะยิ่งช้าลง
.
อย่างพระพุทธศาสนา ศาสดาอย่างพระพุทธเจ้านั้นเคยนิยามจักรวาลไว้ในคัมภีร์อรรถสาลินีไว้ 3 ประการ ประการแรกคือจักรวาลมีที่ว่างไม่มีที่สิ้นสุด ประการที่สองคือดวงดาวหาสิ้นสุดมิได้ และประการสุดท้ายคือสรรพสัตว์ก็หาที่สิ้นสุดมิได้เช่นกัน
.
แต่สำหรับ กาลเวลาในทางพระพุทธศาสนา ที่เชื่อว่าแต่ละภพภูมิเวลาเป็นสิ่งที่ไม่คงที่ แต่จะขึ้นอยู่กับสภาวะของจิตแทน ที่เชื่อว่าจิตของเรานั้นเป็นสิ่งที่เดินทางเร็วกว่าแสงหลายล้านเท่า อีกทั้งยังไม่ตกอยู่ภายใต้การกระทำของแรงใดๆ เวลาจะเดินเร็วหรือช้าลง จิตนั้นเป็นตัวกำหนด
.
พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงการระลึกชาติได้ของท่าน แสดงให้เห็นถึงความไวของจิต ดังปรากฏใน พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑ / ข้อที่ ๓ ความว่า...

“เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อบุพเพนิวาสานุสสติญาณ เรานั้นย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกชาติได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏฏกัลป์เป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏฏกัลป์ เป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏฏวิวัฏฏกัลป์เป็นอันมากบ้าง ว่าในภพโน้นเราได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพโน้นนั้น เราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพโน้นนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอุเทส พร้อมทั้งอาการ ด้วยประการฉะนี้”
.
ขอขอบคุณที่มา : The Shout

 
                 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.