ในวงการนักลงทุนในตลาดหุ้นจะรู้จัก Elon Musk ในนามของ “พรายกระซิบ (Whisperer)” จึงทำให้ Elon Musk ถูก ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกาฟ้องร้องฐานให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 แต่เมื่อเข้าสู่วงการของ Cryptocurrency ซึ่งไม่มี ก.ล.ต. เข้ามาควบคุม การ Twitter ที่สร้างแรงสะเทือนวงการเงินดิจิทัลของ Musk จึงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับ Dogecoin ที่เริ่มเป็นกระแสขึ้นมาในวันที่ 2 เมษายน 2019 เมื่อ Musk ได้อัพเดต Twitter ของเขาว่า “Dogecoin might be my fav cryptocurrency. It’s pretty cool. (Dogecoin อาจจะกลายเป็นเงินสกุลเงินดิจิทัลที่ผมชอบ เพราะมันเจ๋งมาก)” จากนั้น Dogecoin ก็ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
ถัดมาในเดือนกรกฎาคม Musk ได้ทวีตถึง Dogecoin อีกครั้ง โดยใช้รูปพายุสุนัขชิบะถล่มเมือง พร้อมข้อความว่า “It’s inevitable (มันเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ แหละ) ทำให้ราคา Dogecoin พุ่งขึ้นอีก 14% ทันที และ ในปีเดียวกัน Elon Musk ได้ทวีตอีกว่า “One Word: Doge (ขอหนึ่งคำให้ Dogecoin)” ทำให้ราคาเหรียญพุ่งขึ้นมาอีก 20% จนเขาได้รับอีกหนึ่งฉายาว่า “DogeFather (เจ้าพ่อแห่ง Dogecoin)”
และเหตุการณ์สำคัญให้คนทั่วโลกพูดถึงคำว่า “Dogecoin to the moon” เนื่องจากวันที่ 9 พฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา บริษัททางด้านธุรกิจการขนส่งทางอวกาศ Space X โดยมีอีลอน มัสก์ ดำรงตำแหน่งเป็น CEO ได้ประกาศว่าจะใช้ Doge เป็นสกุลเงินในอวกาศ และตั้งชื่อดาวเทียมว่า Doge-1 เพื่อใช้ในภารกิจต่อไป จึงทำให้ ณ ตอนนั้น Dogecoin ได้กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัล ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงเป็นอันดับที่ 4 (ปัจจุบันวันที่ 12 กรกฎาคม 2021: Dogecoin มี Market Cap เป็นอันดับที่ 7 ของตลาด Cryptocurrency)
Dogecoin สามารถทำกำไร 20,000% นับตั้งแต่วันที่สร้างขึ้นมาเมื่อปี 2013 ซึ่งมูลค่าที่พุ่งขึ้นแบบติดจรวดส่วนหนึ่งเกิดจาก Elon Musk ที่ช่วยปลุกกระแสอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงหลังจะมีกระแสในแง่ลบ ส่งผลให้ราคา Dogecoin ผันผวน แต่ตัว Dogecoin เองก็สามารถยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่ากำลังเป็นที่ยอมรับของผู้คนจำนวนมาก อีกทั้งยังอาจจะกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงในสิ่งใหม่ ๆ ในอนาคตอีกด้วย |