แบบนี้ก็ได้เหรอ! เมื่อ “ภรรยา”
กลายเป็นสินค้าที่สามีขายต่อได้

ย้อนกลับไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ในยุโรป หากชีวิตรักถึงทางตันแทนที่จะจบด้วยการ #หย่า กลับจบลงด้วยการที่สามีเอาภรรยาไปขายแทน ซึ่งการขายภรรยาในยุคนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอีกต่างหาก

สมัยนั้นมีค่าใช้จ่ายในการหย่าร้างค่อนข้างสูงมาก ถึงการหย่าจะมีกฎหมายควบคุม และต้องได้รับการอนุญาตจาก #คริสตจักร แต่คนที่จะหย่าได้จะมีแต่ #คนรวย ซึ่งในการหย่าจะมีค่าใช้จ่ายราว 15,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน (ประมาณ 500,000-700,00 บาท)

ชาวอังกฤษชนชั้นล่างที่ไม่มีเงินมากพอ และไม่รู้ว่าจะไปหาเงินมาจากไหน เลยลงเอยด้วยการขายภรรยาตัวเองมันซะเลย ง่ายดี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการหย่า แถมยังได้เงินอีกด้วย มีแต่ได้กับได้เห็น ๆ

วิธีในการขายภรรยาก็คือ : การขายภรรยามีลักษณะคล้ายกับการขายสินค้าทั่วไป ก็คือ จะมีการประกาศขายล่วงหน้าผ่านทางหนังสือพิมพ์และบอกปากต่อปากก่อน

ในวันที่ขายภรรยาจะถูกพาไปที่ตลาดในท้องถิ่นโดยผูกเชือกไว้ที่เอว , คอ หรือข้อมือของผู้ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตภรรยาแล้วจูงไปที่ตลาด จากนั้นก็ให้ภรรยาขึ้นไปยืนบนแท่นยกสูงเพื่อเริ่มการประมูลซื้อขาย หากผู้ใดให้ราคามากที่สุดก็จะได้สตรีผู้นั้นไปครอบครอง ส่วนอดีตสามีก็กลับบ้านไปพร้อมเงินในกระเป๋าสบาย ๆ ถือว่าการหย่าร้างเป็นอันจบลงเรียบร้อย

การขายภรรยาดูเหมือนจะเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของผู้หญิง แต่อันที่จริงแล้วการขายต้องได้รับความยินยอมจากฝ่ายภรรยาก่อน ภรรยามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธผู้ซื้อที่ตนไม่พึงพอใจ และในบางกรณีที่ภรรยาจะเข้าหาผู้ซื้อและโน้มน้าวให้เขาซื้อเธอ

หรือภรรยาเองอาจจะซื้อตัวเองโดยการให้เงินกับผู้ซื้อ เนื่องจากเธอถูกทำร้ายหรือไม่มีความสุขในชีวิตคู่ต้องการที่จะหลุดพ้นจากพันธะของการแต่งงานที่ไม่มีความสุข และหากภรรยาไม่ถูกใจผู้ซื้อ ก็สามารถปฏิเสธได้

ประเพณีการประมูลขายภรรยาได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. เมื่อวิวัฒนาการของสังคมเริ่มมากขึ้น มีการจัดการในด้านการหย่าร้างที่เหมาะสม กฎหมายที่แข็งแรงและเป็นรูปธรรม ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้หญิงได้ดียิ่งขึ้น แต่มันไม่ได้หายไปเสียทีเดียว ในปี 1913 รายงานว่ายังมีผู้หญิงจำนวนหนึ่งมาแจ้งความว่าเธอโดนสามีขายให้กับชายแปลกหน้าในราคาเพียง 1 ปอนด์

______________________

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://historydaily.org/wife-selling-19th-century...
https://www.thevintagenews.com/.../the-strange.../...
https://www.silpa-mag.com/history/article_70014