การล่าแม่มดก็คือ 'การกำจัดคนที่เห็นต่าง' ในยุคกลางหรือที่เรียกกันว่ายุคมืด ทั่วยุโรปตกอยู่ภายใต้การปกครองของศาสนจักร ซึ่งพระสันตปาปาจะไม่ยอมรับการออกจากศาสนาไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตาม
ในปี 1208 เมืองอาลบี ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสนั้นได้ริเริ่มนิกายใหม่ของ คริสตศาสนา ขึ้นด้วยตนเองทำให้พระสันตปาปาโกรธมากร่วมมือกับกษัตริย์ของฝรั่งเศสกวาดล้างเมืองนี้จนสิ้น ด้วยเหตุผลนี้ทางศาสนจักรจึงต้องรักษาอำนาจและความเชื่อของทุกคนเอาไว้ โดยหนึ่งในเครื่องมือที่พวกเขาใช้ก็คือ การไล่ล่าและสังหารเหล่าหญิงสาว ที่บรรดาบาทหลวงเชื่อว่าเป็นแม่มด
แม่มดในสมัยนั้น ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย และถ้ามีภัยพิบัติการตายโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือว่าโรคระบาด แม่มดก็จะถูกศาสนจักรกล่าวโทษก่อนเสมอ และเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นก็จะมีการระดมกำลังจากทั้งทางศาสนจักรและชาวบ้านในการออกตามล่า แต่หญิงสาวส่วนใหญ่ที่ถูกล่านั้นจะเป็นแพะรับบาปเสียมากกว่า
ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนนับหมื่นต้องเสียชีวิต อีกทั้งยังมีผู้คนอีกนับล้านที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในความหวาดกลัวว่าจะถูกใส่ร้ายหรือกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ส่วนผู้ชายก็มีการล่าพ่อมดบ้างอยู่เหมือนกัน
กระแสการต่อต้านนั้นเริ่มขึ้นเมื่อมีผู้วิเศษกลุ่มหนึ่งได้ทำการกล่าวหาว่า "พระเยซูเป็นเพียงแค่ผู้วิเศษคนหนึ่ง ที่สามารถแสดงอภินิหารได้เท่านั้น" ตั้งแต่นั้นมาทางศาสนจักรจึงทำการต่อต้านเหล่าผู้วิเศษและพ่อมดแม่มด หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ว่าหญิงสาวเป็นแม่มดมีความเลื่อนลอยเป็นอย่างมาก เพราะใช้รูปลักษณ์ภายนอกเป็นส่วนตัดสิน หากมีรูปร่างและหน้าตาที่อัปลักษณ์แล้วล่ะก็มีโอกาสสูงเลยทีเดียวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดผู้กระทำภัยพิบัติให้เกิดขึ้น เหล่าหญิงชราจึงมักถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ถึงแม้ว่าจะมีการสอบสวน แต่มันก็เป็นแค่การทรมานให้รับสารภาพเสียมากกว่า ด้วยวิธีทารุณนานับประการ แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็พบจุดจบที่เหมือนกันก็คือ "การถูกเผา" อย่างทรมานบนกองฟืนนั่นเอง
แถมการล่าแม่มดในสมัยนั้นยังได้รับการรับรองจากศาสนาว่า เป็นสิ่งที่ชอบธรรมเสียด้วย เพราะเป็นการกระทำในนามของพระเจ้า นอกจากนี้แม่มดก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของสมุนและผู้บูชาซาตาน นอกจากภัยพิบัติแล้ว สิ่งที่พวกเธอทำก็คือการเบี่ยงเบนคนให้มีใจตีห่างออกจากศาสนา เพื่อไปนับถือและบูชาซาตานแทน
สำหรับการทรมานนั้นจะมีวิธีที่โหดเหี้ยม อย่างเช่น การจับถ่วงน้ำ, ใช้เครื่องจักรดึงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจนเหยื่อรับสารภาพ และหลังจากรับสารภาพก็ต้องมีการซัดทอดผู้ร่วมเกี่ยวข้องให้มีเหยื่อเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะไปจบด้วยการเผาทั้งเป็นต่อหน้าผู้คนในท้ายที่สุด ในพื้นที่ที่มีการทรมานและก็เผาแม่มดทั้งเป็นมากที่สุดในยุโรปก็คือ ประเทศเยอรมันนี
เรื่องการล่าแม่มดนั้นดำเนินอยู่ในยุโรปยาวนานหลายร้อยปี มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มากมาย ยิ่งมีการพัฒนาเครื่องมือทรมานและเครื่องมือประหารใหม่ขึ้นมามากแค่ไหน ก็มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเท่านั้น เชื่อกันว่ามีผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทั่วยุโรปไม่ต่ำกว่า 200,000 คน เลยทีเดียว ซึ่งยังไม่รวมกับคนที่ทั้งบาดเจ็บเล็กน้อยจนถึงหนักมากอีกนับไม่ถ้วน
จนในศตวรรษที่ 17 ผู้คนเริ่มตาสว่าง มีความรู้และมีเหตุผลกันมากขึ้น ทำให้ค่อย ๆ เลิกการล่าแม่มดไปทีละน้อย เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ประกาศยุติการล่าแม่มดในปี 1610 และประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มเอาอย่างจนค่อย ๆ เลือนหายไป
.
ที่สำคัญในปัจจุบันเอง ก็ยังมีเหตุการณ์ที่คล้ายกันกับการล่าแม่มดอยู่ ซึ่งเหยื่อเคราะห์ร้ายส่วนมากที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด มักจะเป็นผู้ที่แตกต่าง มีความเชื่อที่อาจจะทำให้ดูแปลกแยก ซึ่งถ้าหากมนุษย์สามารถยอมรับความแตกต่างนี้ได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ความโหดร้ายเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
_____________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.youtube.com/watch?v=C92dEWpGwCY
https://www.history.com/topics/folklore/history-of-witches
|