HOME
 
 
CONTACT
  Today topic  
 

ประวัติศาสตร์เกย์: ฮ่องเต้ฮั่น
ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ กับชายก่อนมีชายา

 
  02/06/2023  
 

เว็บไซต์ชื่อดัง pride.com ที่เน้นเรื่องราวของข่าวสารของกลุ่ม LGBTQ ได้เผยแพร่บทความที่มีชื่อว่า ประวัติศาสตร์โดยสังเขปของกลุ่มคนรักเพศเดียวกันและไบเซ็กชวลในจีนยุคโบราณ โดย ซาการี เซน (Zachary Zane) ในตัวบทความจะฉายภาพในแง่มุมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศในสังคมจีนโบราณ ที่บางช่วงเวลาเชื่อกันว่าความสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกันนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งต่างจากทัศนคติของคนจีนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก

โดยตัวอย่างที่ถูกยกขึ้นมาอ้างก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้อ้ายแห่งราชวงศ์ฮั่นกับตงเสี้ยนคู่รักเพศเดียวกันของพระองค์ ที่ได้กลายเป็นตำนานรักตัดแขนเสื้อ มีที่มาจากเรื่องเล่าว่า ในเช้าวันหนึ่งในขณะที่ตงเสี้ยนยังคงหลับใหลโดยได้นอนทับแขนเสื้อของฮ่องเต้อยู่นั้น ฮ่องเต้จำเป็นต้องลุกออกจากที่บรรทมแต่ว่าไม่ต้องการรบกวนการนอนของคู่รัก จึงยอมตัดแขนเสื้อของพระองค์ทิ้งแทนเพื่อให้ตงเสี้ยนได้นอนหลับอย่างสบายต่อไป

ซาการี เซน ผู้เขียนบทความยังได้อ้างเพิ่มเติมว่า ฮ่องเต้อ้ายไม่ใช่พระเจ้าแผ่นเดียวแค่พระองค์เดียวที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนที่เป็นเพศเดียวกัน แต่ฮ่องเต้เกือบทั้งหมดของราชวงศ์ฮั่นจำนวน 10 จาก 13 พระองค์(เป็นการนับที่ไม่รวมราชวงศ์ฮั่นตะวันออก) ล้วนแล้วแต่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายด้วยกันมาแล้ว นอกเหนือจากการมีเพศสัมพันธ์กับพระชายาและพระมเหสีของพระองค์

และหลังจากสิ้นราชวงศ์ฮั่น เซนก็ยังได้กล่าวอีกว่า สังคมจีนก็ยิ่งให้การยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ดังกล่าวมิได้เป็นอุปสรรคต่อการแต่งงานและการมีครอบครัว

ส่วนการที่สังคมจีนในยุคปัจจุบัน ได้หันมามีทัศนคติในเชิงลบต่อชายรักชายนั้น เซนได้กล่าวว่า นักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่าเป็นผลมาจากการรับเอาแนวคิดของตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 19 ที่มองว่าการร่วมเพสของคนเพศเดียวกันนั้นเป็นสิ่งชั่วร้าย

ทั้งนี้รายงานของ the guardian ก็ได้กล่าวว่าหลังจากการปฏิวัติจีนในปีคริสต์ศักราช 1912 ขบวนการชาตินิยมจีนสมัยนั้นมองว่า พฤติกรรมรักเพศเดียวกัน ถือว่าเป็นวิถีปฏิบัติอันเสื่อมทรามของราชสำนัก

ในขณะที่งานศึกษาชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย Saskatchewan ในแคนาดาได้ระบุว่า หลังการปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ในปีคริสต์ศักราช 1949 การเป็นเกย์แม้จะไม่ถูกจัดให้เป็นอาชญากรรมโดยชัดแจ้ง แต่ความผิดฐานมีพฤติกรรมและเป็นอันธพาลก็ถูกตีความครอบคลุมไปถึงพฤติกรรมที่รัฐเห็นว่าไม่เหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงการเป็นเกย์ด้วย ทำให้ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมคนที่เป็นเกย์จึงถูกเล่นงานอย่างรุนแรง

กฎหมายฉบับดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปในปีคริสต์ศักราช 1997 และเปิดช่องให้คนที่เป็นเกย์ได้มีดอกาสแสดงตัวตนได้มากขึ้น ต่อมาในปีคริสต์ศักราช 2001 สมาคมจิตแพทย์จีนก็ได้ตัดพฤติกรรมรักเพศเดียวกันออกจากการจัดให้เป็นอาการผิดปกติทางจิต

ถึงอย่างไรก็ตามในปัจจุบันแบบเรียนหลายเล่มของจีนก็ยังมีการระบุว่า การรักเพศเดียวกันนั้นเป็นอาการที่ผิดปกติ โดยแนะนำให้ใช้การบำบัดด้วยการช็อตเพื่อรักษา บางเล่มก็ถึงกับระบุว่า ความรักระหว่างเพศเดียวกันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ทำให้เมื่อหลายปีก่อนมีนักศึกษาจีนรายหนึ่งตัดสินใจยื่นฟ้องกระทรวงศึกษาธิการจีนต่อศาล เพื่อให้มีการปรับปรุงเนื้อหาและยกเลิกการใช้ภาษาที่เป็นอคติต่อเกย์ในแบบเรียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งในตอนนั้นกระทรวงศึกษาธิการของจีนได้รับข้อเรียกร้องไว้พิจารณา

_____________________
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- A Brief History of Homosexuality and Bisexuality in Ancient China โดย Zachary Zane (pride.com)
- Policy issues concerning sexual orientation in China, Canada, and the United States โดย Don Cochrane (University of Saskatchewan)
- China drops homosexuality from the list of psychiatric disorders โดย John Gittings (The Guardian)

 
           
Copyright © 2021 SOCOOL LIMITED. All right reserved.